วิธีย้ายเว็บไซต์
บทความนี้อธิบายวิธีเปลี่ยน URL ของหน้าเว็บที่มีอยู่ในเว็บไซต์โดยลดผลกระทบเชิงลบในผลการค้นหาของ Google Search ให้เหลือน้อยที่สุด ตัวอย่างของการย้ายเว็บไซต์แบบนี้รวมถึง
- การเปลี่ยน URL จาก
HTTP
เป็นHTTPS
- การเปลี่ยนชื่อโดเมน เช่น
example.com
เป็นexample.net
หรือการผสานโดเมนหรือชื่อโฮสต์หลายรายการ - การเปลี่ยนเส้นทาง URL เช่น
example.com/page.php?id=1
เป็นexample.com/widget
หรือexample.com/page.html
เป็นexample.com/page.htm
ภาพรวม
- แนวทางปฏิบัติแนะนําทั่วไปสําหรับการย้ายเว็บไซต์ ศึกษาสิ่งที่จะเกิดขึ้นและดูว่าสิ่งนั้นอาจส่งผลต่อผู้ใช้และการจัดอันดับของคุณอย่างไร หากย้ายจาก HTTP ไปใช้ HTTPS ให้อ่านแนวทางปฏิบัติแนะนำสำหรับ HTTPS
- จัดเตรียมเว็บไซต์ใหม่และทดสอบอย่างละเอียด
- จัดเตรียมการแมป URL จาก URL ปัจจุบันเป็นรูปแบบใหม่ที่สอดคล้อง
- เริ่มย้ายเว็บไซต์โดยกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์ให้เปลี่ยนเส้นทางจาก URL เก่าไปยัง URL ใหม่
- ตรวจสอบการเข้าชมของทั้ง URL เก่าและ URL ใหม่
แนวทางปฏิบัติแนะนําทั่วไปสําหรับการย้ายเว็บไซต์
-
แบ่งการย้ายออกเป็นขั้นตอนย่อยๆ หากเหมาะสมกับเว็บไซต์ของคุณ
หากเว็บไซต์มีขนาดใหญ่และในทางเทคนิคแล้วสามารถทำได้ เราขอแนะนําให้คุณย้ายเว็บไซต์เพียงส่วนเดียวก่อนเพื่อทดสอบผลกระทบต่อปริมาณการเข้าชมและการจัดทําดัชนี หลังจากนั้นคุณย้ายเว็บไซต์ที่เหลือทีเดียวหรือย้ายเป็นกลุ่มได้ ในการเลือกส่วนทดสอบแรกของเว็บไซต์ ให้เลือกส่วนที่ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงและไม่ได้รับผลมากนักจากเหตุการณ์ที่เกิดบ่อยหรือเหตุการณ์ที่เกิดโดยไม่คาดคิด โปรดทราบว่าแม้การย้ายเว็บไซต์เพียงส่วนหนึ่งจะเป็นวิธีทดสอบที่ดี แต่ก็อาจไม่ใช่ผลที่จะได้จากการย้ายทั้งเว็บไซต์ในแง่ของ Search ยิ่งคุณย้ายหน้าเว็บมากขึ้น ก็จะยิ่งพบปัญหาที่ต้องแก้เพิ่มขึ้น โปรดวางแผนการย้ายอย่างระมัดระวังเพื่อลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้น -
เปลี่ยนเพียงครั้งละ 1 อย่าง
วางแผนการเปลี่ยนแปลงในเว็บไซต์ทีละอย่าง ไม่ใช่ทําทุกอย่างพร้อมกัน เช่น หากต้องการย้ายเว็บไซต์ไปยังชื่อโดเมนใหม่ ให้เปลี่ยนระบบจัดการเนื้อหา (CMS) และอัปเดตเว็บไซต์เพื่อใช้เลย์เอาต์ใหม่ โดยให้เปลี่ยนทีละรายการ เริ่มจากย้ายไปโดเมนใหม่ จากนั้นจึงค่อยเปลี่ยนเลย์เอาต์ของเว็บไซต์ -
กำหนดเวลาย้ายของคุณให้ตรงกับช่วงที่มีการเข้าชมน้อย ถ้าเป็นไปได้
หากการเข้าชมของคุณเป็นไปตามช่วงเวลาหรือลดลงในวันธรรมดาบางวัน ก็เหมาะที่จะย้ายเว็บไซต์ในช่วงเวลาที่การเข้าชมลดลงอยู่บ่อยๆ ซึ่งหมายความว่าจะมีผู้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการย้ายเว็บไซต์จํานวนน้อยลง และใช้ทรัพยากรของเซิร์ฟเวอร์สำหรับให้ Googlebot ทำการ Crawl เว็บไซต์ของคุณได้มากขึ้น -
คุณอาจพบความผันผวนชั่วคราวในการจัดอันดับเว็บไซต์ระหว่างการย้ายนี้
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญกับเว็บไซต์ คุณอาจพบว่าการจัดอันดับมีความผันผวนขณะที่ Google รวบรวมข้อมูลและจัดทำดัชนีเว็บไซต์ของคุณใหม่ ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์โดยทั่วไป การย้ายหน้าเว็บส่วนใหญ่ในดัชนีของเราสำหรับเว็บไซต์ขนาดกลางอาจใช้เวลาไม่กี่สัปดาห์ ส่วนเว็บไซต์ขนาดใหญ่กว่าจะใช้เวลานานกว่า ความเร็วที่ Googlebot และระบบของเราจะค้นพบและดำเนินการกับ URL ที่ย้ายนั้นส่วนมากจะขึ้นอยู่กับจำนวน URL และความเร็วของเซิร์ฟเวอร์ของคุณ การส่ง Sitemap ช่วยให้ขั้นตอนการค้นพบทำได้เร็วขึ้น และคุณยังย้ายเว็บไซต์เป็นส่วนๆ ได้ด้วย -
ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเครดิตของลิงก์
301
,302
และการเปลี่ยนเส้นทางฝั่งเซิร์ฟเวอร์อื่นๆ จะไม่ทําให้เพจแรงก์หายไป -
ใช้ประโยชน์จาก Search Console
Search Console ช่วยคุณได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างการย้ายเว็บไซต์ ตรวจสอบข้อมูลสำหรับแต่ละพร็อพเพอร์ตี้แยกกันใน Search Console ใช้รายงานสถานะดัชนีเพื่อดูภาพกว้างๆ ใช้รายงาน Sitemap เพื่อดูจำนวน URL ที่ส่งใน Sitemap และได้รับการจัดทำดัชนี -
โปรดอดทนรอและให้เวลา
Googlebot จะต้องไปที่ URL ทั้งหมดในเว็บไซต์เก่าและเว็บไซต์ใหม่อย่างน้อย 1 ครั้ง จึงจะถือว่าการย้ายเว็บไซต์เสร็จสมบูรณ์ ความถี่ในการ Crawl ไม่มีตัวเลขที่ตายตัว และ Googlebot จะทำการ Crawl ได้เร็วแค่ไหนขึ้นอยู่กับขนาดของเว็บไซต์และความเร็วในการ Crawl ที่เป็นไปได้ การย้ายจะเกิดขึ้นตาม URL แต่ละรายการ
จัดเตรียมเว็บไซต์ใหม่
รายละเอียดของการจัดเตรียมเว็บไซต์จะแตกต่างกันสำหรับการย้ายแต่ละเว็บ แต่โดยทั่วไปคุณจะต้องดำเนินการต่อไปนี้อย่างน้อย 1 อย่าง
- ตั้งค่า CMS (แนะนําให้ตั้งค่าเหมือนกับเว็บไซต์เก่า) และนําเข้าเนื้อหาจากเว็บไซต์เก่า
-
โอนรูปภาพและสิ่งที่ดาวน์โหลด (เช่น เอกสาร PDF) ที่คุณกำลังโฮสต์
ข้อมูลเหล่านี้อาจมีการเข้าชมอยู่แล้วจาก Google Search หรือลิงก์ต่างๆ การแจ้งผู้ใช้และ Googlebot เกี่ยวกับตำแหน่งใหม่จึงเป็นประโยชน์ - สำหรับการย้ายไปใช้ HTTPS ให้ขอรับและกำหนดค่าใบรับรอง TLS ที่จำเป็นในเซิร์ฟเวอร์
-
ตั้งค่า robots.txt สําหรับเว็บไซต์ใหม่ และตรวจสอบว่ากฎในไฟล์ robots.txt ของเว็บไซต์ใหม่แสดงส่วนที่คุณไม่ต้องการให้มีการ Crawl ไว้อย่างถูกต้อง
โปรดทราบว่าเจ้าของเว็บไซต์บางรายบล็อกการ Crawl ทั้งหมดขณะที่กำลังพัฒนาเว็บไซต์ หากปฏิบัติตามกลยุทธ์นี้ คุณต้องเตรียมลักษณะที่ไฟล์ robots.txt ควรจะเป็นเมื่อเริ่มย้ายเว็บไซต์ ในทำนองเดียวกัน หากคุณใช้กฎ
noindex
ระหว่างการพัฒนา ให้จัดเตรียมรายการ URL ที่จะนำกฎnoindex
ออกเมื่อเริ่มย้ายเว็บไซต์ -
แสดงข้อผิดพลาดสําหรับเนื้อหาที่ลบหรือที่ผสานรวมกัน หากคุณไม่ได้ย้ายเนื้อหาในเว็บไซต์เก่าทั้งหมดไปยังเว็บไซต์ใหม่ ให้ตรวจสอบว่า URL เหล่านั้นแสดงโค้ดตอบกลับข้อผิดพลาด HTTP
404
หรือ410
บนเว็บไซต์ใหม่อย่างถูกต้อง -
ตรวจสอบว่าตั้งค่า Search Console อย่างถูกต้องที่อาจช่วยในการย้ายเว็บไซต์ได้
ยืนยันเว็บไซต์ทั้งเก่าและใหม่ใน Search Console หากยังไม่ได้ทํา ตรวจสอบว่าได้ยืนยันทุกตัวแปรของทั้งเว็บไซต์เก่าและเว็บไซต์ใหม่ เช่น ยืนยัน
www.example.com
และexample.com
และรวมตัวแปรทั้งเว็บไซต์ HTTPS และ HTTP หากใช้ HTTPS URL ให้ทำแบบนี้สำหรับทั้งเว็บไซต์เก่าและเว็บไซต์ใหม่-
ตรวจสอบการยืนยันของ Search Console
ตรวจดูว่าการยืนยันของ Search Console จะยังคงทำงานต่อไปหลังจากที่ย้ายเว็บไซต์แล้ว หากคุณใช้วิธีการยืนยันที่แตกต่างจากนี้ โปรดทราบว่าโทเค็นของการยืนยันอาจจะแตกต่างออกไปเมื่อ URL เปลี่ยนแปลง
หากคุณใช้วิธีการของไฟล์ HTML ในการยืนยันการเป็นเจ้าของเว็บไซต์ใน Search Console จะต้องไม่ลืมรวมไฟล์การยืนยันปัจจุบันไว้ในสำเนาเว็บไซต์ใหม่ด้วย
ในทำนองเดียวกัน หากคุณยืนยันการเป็นเจ้าของด้วยไฟล์ที่รวมอยู่ที่อ้างถึงแท็ก
meta
หรือ Google Analytics เพื่อยืนยันการเป็นเจ้าของ ให้ตรวจสอบว่าสำเนา CMS ใหม่มีสิ่งเหล่านี้ด้วยเช่นกัน -
ตรวจสอบการตั้งค่าที่กําหนดไว้ใน Search Console ที่คุณอาจทําสําหรับเว็บไซต์เก่า และดูว่าได้อัปเดตการตั้งค่าของเว็บไซต์ใหม่เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงตามนั้นด้วยเช่นกัน เช่น
- อัตราการ Crawl: ตั้งอัตราการรวบรวมข้อมูลเป็น "ให้ Googlebot กำหนด" สําหรับทั้งเว็บไซต์เก่าและเว็บไซต์ใหม่
- ลิงก์ย้อนกลับที่ถูกปฏิเสธ: หากคุณเคยอัปโหลดไฟล์เพื่อปฏิเสธลิงก์ต่างๆ ในเว็บไซต์เก่า เราขอแนะนำให้อัปโหลดซ้ำอีกครั้งโดยใช้บัญชี Search Console ของเว็บไซต์ใหม่
-
ทําความสะอาดโดเมนที่เพิ่งซื้อมา โดยคุณจะต้องตรวจสอบว่าไม่มีปัญหาที่ค้างอยู่จากเจ้าของคนก่อน โดยตรวจสอบการตั้งค่าต่อไปนี้
- การดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่สำหรับสแปมก่อนหน้านี้ หากมีการดําเนินการใดๆ โดยเจ้าหน้าที่กับเว็บไซต์ใหม่ ให้แก้ไขปัญหาที่แสดงในรายการและยื่นคําขอให้พิจารณาใหม่
- URL ที่ถูกนำออก ตรวจดูว่าไม่มีการนำ URL ออกซึ่งเหลืออยู่จากเจ้าของรายก่อนหน้า โดยเฉพาะการนำ URL ออกทั้งเว็บไซต์
-
-
ใช้การวิเคราะห์เว็บเพื่อวิเคราะห์การใช้งานทั้งในเว็บไซต์เก่าและเว็บไซต์ใหม่ ซอฟต์แวร์การวิเคราะห์เว็บช่วยในเรื่องนี้ได้ โดยทั่วไป การกำหนดค่าการวิเคราะห์เว็บจะประกอบด้วยชิ้นส่วนของ JavaScript ที่ฝังอยู่ในหน้าเว็บ รายละเอียดสำหรับการติดตามเว็บไซต์ที่ต่างกันจะแตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับซอฟต์แวร์การวิเคราะห์และการตั้งค่าการบันทึก การดำเนินการ หรือการกรอง ตรวจสอบกับผู้ให้บริการซอฟต์แวร์การวิเคราะห์เพื่อขอความช่วยเหลือ นอกจากนี้ นี่ยังเป็นโอกาสที่ดีหากคุณวางแผนไว้ว่าจะเปลี่ยนแปลงการกำหนดค่าของซอฟต์แวร์การวิเคราะห์ หากคุณใช้ Google Analytics ก็อาจสร้างโปรไฟล์ใหม่สำหรับเว็บไซต์ใหม่หากต้องการแยกรายงานเนื้อหาออกจากกันอย่างชัดเจน
- ตรวจสอบว่าเซิร์ฟเวอร์มีทรัพยากรการประมวลผลเพียงพอ: หลังจากการย้ายข้อมูล Google จะทำการ Crawl เว็บไซต์ใหม่มากกว่าปกติเป็นการชั่วคราว ที่ต้องทำเช่นนี้ก็เพราะเว็บไซต์เปลี่ยนเส้นทางการเข้าชมจากเว็บไซต์เก่าไปยังเว็บไซต์ใหม่ และจะมีการเปลี่ยนเส้นทางการ Crawl ของเว็บไซต์เก่าไปยังเว็บไซต์ใหม่ นอกเหนือจากการ Crawl อื่นๆ โปรดตรวจสอบว่าเว็บไซต์ใหม่มีความจุเพียงพอที่จะรองรับการเข้าชมที่เพิ่มมากขึ้นจาก Google หากเว็บไซต์มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ โปรดติดต่อผู้ให้บริการโฮสติ้งและแจ้งให้ทราบล่วงหน้าเกี่ยวกับการย้ายเว็บไซต์ที่คุณกําลังวางแผนดําเนินการ
จัดเตรียมการแมป URL
การแมป URL ของเว็บไซต์เก่ากับ URL ของเว็บไซต์ใหม่เป็นสิ่งสำคัญ ส่วนนี้จะอธิบายวิธีการมากมายโดยทั่วไปที่คุณสามารถนำไปใช้เพื่อประเมิน URL ของเว็บไซต์ทั้งสองอย่างถูกต้องและช่วยในการแมป รายละเอียดที่แน่นอนของวิธีสร้างการแมปนี้จะแตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับโครงสร้างพื้นฐานของเว็บไซต์ปัจจุบันและรายละเอียดของการย้ายเว็บไซต์
กําหนด URL เก่าของคุณ
ในการย้ายเว็บไซต์ที่ง่ายที่สุด คุณอาจไม่ต้องสร้างรายการของ URL เก่า เช่น อาจใช้การเปลี่ยนเส้นทางฝั่งเซิร์ฟเวอร์โดยใช้ไวลด์การ์ดแทนหากคุณจะเปลี่ยนโดเมนของเว็บไซต์ (เช่น การย้ายจาก example.com
ไปใช้ example.net
)
ในการย้ายเว็บไซต์ที่ซับซ้อนมากขึ้น คุณจะต้องสร้างรายการของ URL เก่าและแมป URL เหล่านั้นกับปลายทางใหม่ วิธีที่จะได้รายการของ URL เก่าขึ้นอยู่กับการกำหนดค่าเว็บไซต์ปัจจุบัน แต่เรามีเคล็ดลับที่เป็นประโยชน์ดังต่อไปนี้
-
เริ่มต้นด้วย URL ที่สำคัญ โดยวิธีค้นหามีดังนี้
- ดูใน Sitemap เนื่องจากเป็นไปได้ว่ามีการส่ง URL ที่สำคัญที่สุดใน Search Console แล้ว
- ตรวจสอบบันทึกเซิร์ฟเวอร์หรือซอฟต์แวร์การวิเคราะห์เพื่อหา URL ที่มีการเข้าชมมากที่สุด
- ตรวจสอบฟีเจอร์ลิงก์ที่ไปยังเว็บไซต์ของคุณใน Search Console สำหรับหน้าที่มีลิงก์ภายในและภายนอก
- ใช้ระบบจัดการเนื้อหา ซึ่งโดยทั่วไปจะมอบวิธีง่ายๆ ในการรับรายการของ URL ทั้งหมดที่โฮสต์เนื้อหา
- ตรวจสอบบันทึกเซิร์ฟเวอร์เพื่อค้นหา URL ที่ได้รับการเข้าชมอย่างน้อย 1 ครั้งเมื่อเร็วๆ นี้ เลือกระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับเว็บไซต์ โดยพิจารณาการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลของการเข้าชม
- รวมรูปภาพและวิดีโอ โดยตรวจสอบว่าคุณได้รวม URL ของเนื้อหาที่ฝังอยู่ไว้ในแผนการย้ายเว็บไซต์แล้ว ซึ่งได้แก่ วิดีโอ รูปภาพ JavaScript และไฟล์ CSS URL เหล่านี้จำเป็นต้องย้ายไปในลักษณะเดียวกันกับเนื้อหาอื่นๆ ทั้งหมดในเว็บไซต์
สร้างการแมป URL เก่าไปยัง URL ใหม่
เมื่อคุณมีรายการของ URL เก่า ให้ตัดสินใจว่าแต่ละรายการควรจะเปลี่ยนเส้นทางไปยังที่ใด วิธีจัดเก็บการแมปนี้ขึ้นอยู่กับเซิร์ฟเวอร์และการย้ายเว็บไซต์ของคุณ คุณอาจใช้ฐานข้อมูลหรือกำหนดค่ากฎการเขียน URL ใหม่ในระบบสำหรับรูปแบบการเปลี่ยนเส้นทางที่พบบ่อย
อัปเดตรายละเอียด URL ทั้งหมดบนเว็บไซต์ใหม่
เมื่อกำหนดการแมป URL แล้ว คุณจะต้องทำ 3 สิ่งเพื่อทำให้หน้าพร้อมรับการเข้าชม
-
อัปเดตคําอธิบายประกอบให้ชี้ไปที่ URL ใหม่ในรายการ HTML หรือ Sitemap สําหรับแต่ละหน้า ดังนี้
- URL ใหม่แต่ละรายการควรมีแท็กลิงก์
rel="canonical" <link>
ที่อ้างถึงตนเอง -
หากเว็บไซต์ที่คุณย้ายมีหน้าที่มีหลายภาษาหรือใช้สำหรับหลายชาติซึ่งอธิบายโดยใช้คำอธิบายประกอบ
rel-alternate-hreflang
โปรดอัปเดตคำอธิบายประกอบให้ใช้ URL ใหม่
- URL ใหม่แต่ละรายการควรมีแท็กลิงก์
-
อัปเดตลิงก์ภายใน
เปลี่ยนลิงก์ภายในของเว็บไซต์ใหม่จาก URL เก่าไปใช้ URL ใหม่ โดยคุณใช้การแมปที่สร้างขึ้นก่อนหน้านี้เพื่อช่วยค้นหาและอัปเดตลิงก์ได้ตามต้องการ -
บันทึกรายการต่อไปนี้สำหรับการย้ายครั้งสุดท้าย:
- ไฟล์ Sitemap ที่มี URL ใหม่ในการแมป ดูเอกสารประกอบเกี่ยวกับการสร้าง Sitemap
- รายการเว็บไซต์ที่ลิงก์กับ URL เก่าของคุณ ดูลิงก์ไปยังเว็บไซต์ของคุณได้ใน Search Console
วางแผนกลยุทธ์การเปลี่ยนเส้นทาง
เมื่อมีการแมปและเว็บไซต์ใหม่พร้อมแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการวางแผนกลยุทธ์การเปลี่ยนเส้นทาง เราขอแนะนําให้ใช้การเปลี่ยนเส้นทางถาวรฝั่งเซิร์ฟเวอร์จาก URL เก่าไปยัง URL ใหม่ตามที่ระบุไว้ในการแมป สอบถามผู้ดูแลระบบเซิร์ฟเวอร์ (หรือบริษัทโฮสติ้ง) เกี่ยวกับประเภทของการเปลี่ยนเส้นทางฝั่งเซิร์ฟเวอร์ที่คุณทําได้ในทางเทคนิค อาจเป็นกฎการเปลี่ยนเส้นทางในไฟล์ .htaccess
หากเซิร์ฟเวอร์ของคุณใช้เซิร์ฟเวอร์ HTTP ของ Apache หรือใช้ฟังก์ชันเปลี่ยนเส้นทางใน CMS ของคุณ
หากไม่สามารถตั้งค่าการเปลี่ยนเส้นทางฝั่งเซิร์ฟเวอร์ได้ ให้กลับไปใช้การเปลี่ยนเส้นทางฝั่งไคลเอ็นต์เป็นทางเลือกสุดท้าย
เลือกวิธีที่คุณจะย้ายเว็บไซต์ เช่น ย้ายทั้งหมดทีเดียวหรือแบ่งเป็นส่วนๆ
- เว็บไซต์ขนาดเล็กหรือขนาดกลาง: เราขอแนะนำให้ย้าย URL ทั้งหมดในเว็บไซต์พร้อมกันแทนที่จะย้ายทีละส่วน วิธีนี้ช่วยให้ผู้ใช้โต้ตอบกับเว็บไซต์ในรูปแบบใหม่ได้ดีกว่าและช่วยให้อัลกอริทึมของเราตรวจหาการย้ายเว็บไซต์และอัปเดตดัชนีได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
- เว็บไซต์ขนาดใหญ่: คุณเลือกที่จะย้ายเว็บไซต์ขนาดใหญ่ทีละส่วนได้ ซึ่งจะช่วยให้ตรวจสอบและตรวจหาปัญหาได้ง่ายขึ้น รวมถึงแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วยิ่งขึ้นด้วย
โปรดคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
-
ใช้การเปลี่ยนเส้นทางฝั่งเซิร์ฟเวอร์แบบถาวรถ้าในทางเทคนิคแล้วสามารถทำได้ แม้ว่า Googlebot รองรับการเปลี่ยนเส้นทางหลายชนิด แต่เราขอแนะนำให้ใช้การเปลี่ยนเส้นทาง HTTP แบบถาวร เช่น
301
และ308
หากเป็นไปได้ - หลีกเลี่ยงการทำเชนการเปลี่ยนเส้นทาง แม้ว่า Googlebot จะสามารถติดตามได้ถึง 10 รอบใน "เชน" ของการเปลี่ยนเส้นทางหลายครั้ง (เช่น หน้า 1 > หน้า 2 > หน้า 3) แต่เราแนะนําให้เปลี่ยนเส้นทางไปยังปลายทางสุดท้าย หากทำไม่ได้ ให้รักษาจำนวนของการเปลี่ยนเส้นทางในเชนไว้ให้น้อย โดยที่เหมาะสมคือไม่เกิน 3 และน้อยกว่า 5 ครั้ง การเปลี่ยนเส้นทางแบบเป็นเชนจะเพิ่มเวลาในการตอบสนองสำหรับผู้ใช้ ซึ่ง User Agent และเบราว์เซอร์บางประเภทก็ไม่รองรับการเปลี่ยนเส้นทางที่เชนมีความยาว
เริ่มย้ายเว็บไซต์
เมื่อการแมป URL ถูกต้องและได้สรุปแผนสําหรับวิธีเปลี่ยนเส้นทางแล้ว คุณก็พร้อมย้ายเว็บไซต์
- ใช้งานหรือเปิดการเปลี่ยนเส้นทาง โดยขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ในการเปลี่ยนเส้นทางที่คุณเลือก ซึ่งหมายถึงคุณอาจจะพุชการอัปเดตไปยังไฟล์การกําหนดค่าเซิร์ฟเวอร์ หรืออาจจะอัปเดต CMS ด้วยโค้ดที่กําหนดเอง
-
ตรวจสอบคําอธิบายประกอบ
rel="canonical"
link
และกฎrobots
meta
ดังนี้ เมื่อเปลี่ยนเส้นทางแล้ว ให้ตรวจสอบว่าคําอธิบายประกอบrel="canonical"
link
ในเว็บไซต์ใหม่ใช้ URL ใหม่อยู่ ในทํานองเดียวกัน หากคุณเพิ่มกฎnoindex
robots
meta
ในเว็บไซต์ใหม่ อย่าลืมอัปเดต URL เพื่อหลีกเลี่ยงการจัดทําดัชนี URL ใหม่ก่อนถึงเวลา - ทดสอบการเปลี่ยนเส้นทาง คุณสามารถใช้เครื่องมือตรวจสอบ URL เพื่อทดสอบแต่ละ URL หรือจะใช้เครื่องมือบรรทัดคำสั่งหรือสคริปต์เพื่อทดสอบ URL จำนวนมากได้
- ส่งการแจ้งเปลี่ยนที่อยู่ใน Search Console สำหรับเว็บไซต์เก่า
-
ใช้การเปลี่ยนเส้นทางให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยทั่วไปก็อย่างน้อย 1 ปี กรอบเวลานี้ช่วยให้ Google สามารถโอนสัญญาณทั้งหมดไปยัง URL ใหม่ รวมถึงทำการ Crawl อีกครั้งและเปลี่ยนการกำหนดลิงก์ในเว็บไซต์อื่นๆ ที่ชี้ไปยัง URL เดิมของคุณได้
จากมุมมองของผู้ใช้ ให้พิจารณาใช้การเปลี่ยนเส้นทางต่อไปอย่างไม่มีกําหนด แต่การเปลี่ยนเส้นทางจะช้าสำหรับผู้ใช้ ดังนั้นให้ลองอัปเดตลิงก์ของคุณเองและลิงก์ที่มีข้อมูลปริมาณมากจากเว็บไซต์อื่นๆ เพื่อให้ตรงไปยัง URL ใหม่
- ส่ง Sitemap ใหม่ใน Search Console ซึ่งจะช่วยให้ Google ทราบถึง URL ใหม่ ณ จุดนี้คุณสามารถนํา Sitemap เก่าออกได้เพราะ Google จะใช้ Sitemap ใหม่นับจากนี้ไป
เวลาที่ Googlebot และระบบจะค้นพบและดำเนินการกับ URL ทั้งหมดในการย้ายเว็บไซต์จะขึ้นอยู่กับความเร็วของเซิร์ฟเวอร์ของคุณและจำนวน URL ที่เกี่ยวข้อง ตามกฎโดยทั่วไป เว็บไซต์ขนาดกลางจะใช้เวลาไม่กี่สัปดาห์ในการย้ายหน้าเว็บส่วนใหญ่ ส่วนเว็บไซต์ขนาดใหญ่กว่าจะใช้เวลานานกว่า ความเร็วที่ Googlebot และระบบจะค้นพบและดำเนินการกับ URL ที่ย้ายนั้นจะขึ้นอยู่กับจำนวน URL และความเร็วของเซิร์ฟเวอร์ของคุณ
อัปเดตลิงก์
ทันทีที่การย้ายเว็บไซต์เริ่มต้น ให้ลองอัปเดตลิงก์ให้มากที่สุด เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้และลดปริมาณงานของเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งรวมถึงสิ่งต่อไปนี้
- ลิงก์ภายใน: แทนที่ URL ทั้งหมดที่ชี้ไปยังหน้าเว็บของคุณ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการแมป URL ที่สร้างไว้ก่อนหน้านี้
- ลิงก์ภายนอก: พยายามติดต่อกับเว็บไซต์ต่างๆ ในรายชื่อที่บันทึกไว้ของเว็บไซต์ที่ลิงก์มายังเนื้อหาปัจจุบัน และขอให้เว็บไซต์เหล่านั้นอัปเดตลิงก์ไปยังเว็บไซต์ใหม่ โปรดพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของงานตามจำนวนการเข้าชมขาเข้าของแต่ละลิงก์
- ลิงก์โปรไฟล์ต่างๆ เช่น จาก Facebook, Twitter และ LinkedIn
- แคมเปญโฆษณาให้ชี้ไปที่หน้า Landing Page ใหม่
ตรวจสอบการเข้าชม
เมื่อเริ่มย้ายเว็บไซต์แล้ว ให้ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของการเข้าชมของผู้ใช้และ Crawler ในเว็บไซต์ใหม่รวมถึงเว็บไซต์เก่าด้วย ตามหลักการแล้ว การเข้าชมในเว็บไซต์เก่าจะลดลงขณะที่เว็บไซต์ใหม่จะมีการเข้าชมเพิ่มขึ้น คุณตรวจสอบกิจกรรมของผู้ใช้และ Crawler ในเว็บไซต์ได้ด้วย Search Console และเครื่องมืออื่นๆ
ใช้ Search Console เพื่อตรวจสอบการเข้าชม
ฟีเจอร์หลายอย่างของ Search Console ช่วยในการตรวจสอบการย้ายเว็บไซต์
- แผนผังเว็บไซต์: ส่งแผนผังเว็บไซต์ 2 รายการที่คุณบันทึกไว้ก่อนหน้านี้จากการแมป ขั้นแรก แผนผังเว็บไซต์ที่มี URL ใหม่จะมีการจัดทำดัชนีหน้าเป็นศูนย์ ในขณะที่แผนผังเว็บไซต์ของ URL เก่าจะมีการจัดทำดัชนีหน้าจำนวนมาก เมื่อเวลาผ่านไป จำนวนหน้าที่ได้รับการจัดทำดัชนีจากแผนผังเว็บไซต์ URL เก่าจะลดลงเป็นศูนย์ โดยที่การจัดทำดัชนีของ URL ใหม่จะมีการเพิ่มขึ้นที่สอดคล้องกัน โปรดทราบว่า Search Console อาจแสดงคําเตือนสําหรับ Sitemap ที่มี URL เก่าเกี่ยวกับการเปลี่ยนเส้นทาง URL ซึ่งเป็นเรื่องปกติ และคุณไม่จําเป็นต้องสนใจคําเตือนเหล่านี้ เพราะอย่างไรคุณก็จะย้ายไปใช้ URL ใหม่อยู่แล้ว
- รายงานการครอบคลุมของดัชนี: กราฟจะสะท้อนให้เห็นการย้ายเว็บไซต์ ซึ่งแสดงการลดลงของจำนวน URL ที่จัดทำดัชนีในเว็บไซต์เก่าและการเพิ่มขึ้นของการจัดทำดัชนีในเว็บไซต์ใหม่ ตรวจสอบเป็นประจำเพื่อหาข้อผิดพลาดจากการ Crawl ที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน
- คำค้นหา: เมื่อหน้าในเว็บไซต์ใหม่ได้รับการจัดทำดัชนีมากขึ้นและเริ่มได้รับการจัดอันดับ รายงานคำค้นหาจะเริ่มแสดง URL ในเว็บไซต์ใหม่ที่ได้รับการแสดงผลการค้นหาและการคลิก
ใช้เครื่องมืออื่นๆ เพื่อตรวจสอบการเข้าชม
เฝ้าดูการเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ของคุณและบันทึกข้อผิดพลาดต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรวจสอบการ Crawl โดย Googlebot ตรวจสอบ URL ที่แสดงรหัสสถานะข้อผิดพลาด HTTP แบบไม่ได้คาดคิด และการเข้าชมของผู้ใช้ตามปกติ
หากคุณติดตั้งซอฟต์แวร์การวิเคราะห์เว็บในเว็บไซต์ หรือหาก CMS มอบการวิเคราะห์ เรายังขอแนะนำให้ตรวจสอบการเข้าชมด้วยวิธีนี้เพื่อให้สามารถดูความคืบหน้าของการเข้าชมจากเว็บไซต์เก่าไปยังเว็บไซต์ใหม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Google Analytics นำเสนอการรายงานแบบเรียลไทม์ และเป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์สำหรับใช้ในระหว่างขั้นตอนการย้ายเว็บไซต์ในช่วงแรก คุณควรจะได้เห็นการลดลงในการเข้าชมเว็บไซต์เก่าและการเพิ่มขึ้นในเว็บไซต์ใหม่
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
การย้ายข้อมูลเว็บไซต์อาจเป็นเรื่องยุ่งยากและซับซ้อน ดังนั้นจึงมีวิธีดําเนินการอยู่หลากหลายวิธี เราพบว่าเช็กลิสต์การย้ายข้อมูลเว็บไซต์ของ Aleyda Solis มีประโยชน์มากเป็นพิเศษ รวมถึงคู่มือเครื่องมือ Screaming Frog สําหรับการย้ายข้อมูลเว็บไซต์ด้วย
หากพบปัญหาหรือติดขัดในช่วงใดก็ตาม โปรดขอความช่วยเหลือใน Google Search Central
หน้าความช่วยเหลือของเรามีคำแนะนำดีๆ มากมาย รวมทั้งกรณีเฉพาะต่างๆ ที่มีคำตอบแล้วในฟอรัมผู้ใช้
หากไม่พบคำตอบ คุณสอบถามผู้เชี่ยวชาญของ Google Search ได้ในเซสชันเวลาทําการของ SEO
การแก้ปัญหาการย้ายเว็บไซต์
ต่อไปนี้คือข้อผิดพลาดทั่วไปเวลาย้ายเว็บไซต์ที่มีการเปลี่ยน URL (รวมถึงการเปลี่ยนจาก HTTP ไปใช้ HTTPS) ข้อผิดพลาดเหล่านี้อาจทำให้เว็บไซต์ใหม่ไม่ได้รับการจัดทำดัชนีอย่างสมบูรณ์
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย | |
---|---|
|
อย่าลืมนำการบล็อก
คุณจะไม่มีไฟล์ robots.txt ในเว็บไซต์ก็ได้ แต่อย่าลืมแสดงรหัสสถานะ HTTP วิธีทดสอบ
|
การเปลี่ยนเส้นทางที่ไม่ถูกต้อง |
ตรวจสอบการเปลี่ยนเส้นทางจากเว็บไซต์เก่าไปยังเว็บไซต์ใหม่ ปัญหาที่เราพบบ่อยคือ ระบบเปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้ไปยัง URL ที่ไม่ถูกต้อง (ไม่มีอยู่จริง) ในเว็บไซต์ใหม่ คุณสามารถใช้ Search Console เพื่อดูว่ามีการรายงานข้อผิดพลาด "ไม่พบ" เป็นจํานวนมากผิดปกติหรือไม่ หรือจะใช้เครื่องมืออื่นๆ เช่น Screaming Frog เพื่อทำการ Crawl เว็บไซต์ของคุณเอง และดูว่าการเปลี่ยนเส้นทางทํางานตามที่คาดไว้หรือไม่ |
ข้อผิดพลาดอื่นๆ จากการ Crawl |
ตรวจสอบรายงานการครอบคลุมของดัชนีเพื่อหาข้อผิดพลาดอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้นมากอย่างฉับพลันในเว็บไซต์ใหม่ในระหว่างการย้าย |
ความสามารถของเซิร์ฟเวอร์ไม่เพียงพอ |
หลังการย้าย Google จะทำการ Crawl ในเว็บไซต์ใหม่มากกว่าปกติ ที่ต้องทำเช่นนี้ก็เพราะเว็บไซต์เปลี่ยนเส้นทางการเข้าชมจากเว็บไซต์เก่าไปยังเว็บไซต์ใหม่ และจะมีการเปลี่ยนเส้นทางการ Crawl ของเว็บไซต์เก่าไปยังเว็บไซต์ใหม่ นอกเหนือจากการ Crawl อื่นๆ โปรดตรวจสอบว่าเว็บไซต์มีความจุเพียงพอที่จะรองรับการเข้าชมที่เพิ่มมากขึ้นจาก Google |
ไม่อัปเดต Sitemap |
ตรวจสอบว่าได้อัปเดตแผนผังเว็บไซต์ด้วย URL ใหม่ทั้งหมดแล้ว |