ควบคุมลิงก์ Title ของคุณในผลการค้นหา
ลิงก์ชื่อคือชื่อของผลการค้นหาใน Google Search และพร็อพเพอร์ตี้อื่นๆ (เช่น Google News) ที่ลิงก์ไปยังหน้าเว็บ Google ใช้แหล่งข้อมูลที่แตกต่างกันหลายๆ แหล่งในการกําหนดลิงก์ Title โดยอัตโนมัติ แต่คุณสามารถระบุค่ากําหนดได้เองโดยทําตามแนวทางปฏิบัติแนะนำในการกําหนดลิงก์ Title
แนวทางปฏิบัติแนะนําสําหรับการควบคุมลิงก์ Title ในผลการค้นหา
ลิงก์ Title มีความสำคัญเพราะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเนื้อหาของผลลัพธ์แก่ผู้ใช้ได้อย่างรวดเร็ว และแสดงให้เห็นว่าเหตุใดผลลัพธ์จึงเกี่ยวข้องกับข้อความค้นหา ลิงก์ชื่อมักจะเป็นข้อมูลหลักที่ทำให้ผู้ใช้ตัดสินใจว่าจะคลิกผลลัพธ์ใด การใช้ข้อความชื่อที่มีคุณภาพสูงในหน้าเว็บของคุณจึงมีความสำคัญ
- ตรวจสอบว่าหน้าทุกหน้าในเว็บไซต์มีการระบุชื่อไว้ในองค์ประกอบ
<title>
- เขียนข้อความองค์ประกอบ
<title>
ที่สื่อความหมายและกระชับ หลีกเลี่ยงข้อบ่งชี้ที่กำกวม เช่น "บ้าน" สำหรับหน้าแรก หรือ "โปรไฟล์" สำหรับโปรไฟล์เฉพาะบุคคล
นอกจากนี้ ให้หลีกเลี่ยงข้อความที่ยาวหรือใช้คําฟุ่มเฟือยโดยไม่จําเป็นในองค์ประกอบ<title>
แม้จะไม่จํากัดความยาวขององค์ประกอบ<title>
แต่โดยทั่วไป ลิงก์ Title จะถูกตัดให้สั้นลงในผลการค้นหาของ Google Search เพื่อให้พอดีกับความกว้างของหน้าจออุปกรณ์ - หลีกเลี่ยงการใช้คีย์เวิร์ดในทางที่ผิด บางครั้งการมีคีย์เวิร์ดที่สื่อความหมาย 2-3 คำในองค์ประกอบ
<title>
ก็เป็นประโยชน์แต่ไม่มีเหตุผลที่จะต้องมีคำหรือวลีเดียวกันซ้ำๆ หลายครั้ง ข้อความชื่ออย่างเช่น "ฟูบาร์, ฟู บาร์, ฟูบาร์ส, ฟู บาร์ส" ไม่มีประโยชน์ต่อผู้ใช้ และการใช้คีย์เวิร์ดในทางที่ผิดลักษณะนี้อาจส่งผลให้เว็บไซต์ของคุณดูเหมือนสแปมสำหรับ Google และผู้ใช้ - หลีกเลี่ยงการใช้ข้อความซ้ำหรือข้อความแบบ Boilerplate ในองค์ประกอบ
<title>
เนื้อหาของหน้าในองค์ประกอบ<title>
ของหน้าแต่ละหน้าในเว็บไซต์จำเป็นต้องมีข้อความที่แตกต่างกัน การตั้งชื่อทุกหน้าในเว็บไซต์เชิงพาณิชย์ซ้ำๆ กัน เช่น "ขายสินค้าราคาถูก" จะทำให้ผู้ใช้แยกความแตกต่างของแต่ละหน้าไม่ได้ นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงข้อความขนาดยาวในองค์ประกอบ<title>
มีรายละเอียดแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย (ชื่อแบบ Boilerplate) ตัวอย่างเช่น องค์ประกอบ<title>
ทั่วไปของหน้าเว็บทุกหน้าที่มีข้อความอย่าง "ชื่อวงดนตรี - ดูวิดีโอ เนื้อเพลง โปสเตอร์ อัลบั้ม รีวิว และคอนเสิร์ต" มีข้อความที่ไม่ได้ใจความจำนวนมากวิธีแก้ไขอย่างหนึ่งคืออัปเดตองค์ประกอบ
<title>
แบบไดนามิกเพื่อแสดงเนื้อหาที่แท้จริงของหน้าได้ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น ใช้คำว่า "วิดีโอ" และ "เนื้อเพลง" เฉพาะเมื่อหน้านั้นมีวิดีโอหรือเนื้อเพลงอยู่เท่านั้น - สร้างแบรนด์ให้ชื่อของคุณโดยให้มีความกระชับ องค์ประกอบ
<title>
ในหน้าแรกของเว็บไซต์ควรมีข้อมูลเพิ่มเติมบางอย่างเกี่ยวกับเว็บไซต์ ตัวอย่างเช่น<title>ExampleSocialSite สถานที่ซึ่งผู้คนมาพบปะและทํากิจกรรมร่วมกัน</title>
แต่การแสดงข้อความนั้นในองค์ประกอบ<title>
ของทุกหน้าในเว็บไซต์จะดูซ้ำมากหากผลการค้นหาสำหรับข้อความค้นหาเดียวกันแสดงหลายหน้าจากเว็บไซต์ของคุณ ในกรณีนี้ ให้พิจารณาใส่ชื่อเว็บไซต์เฉพาะแค่จุดเริ่มต้นหรือท้ายสุดขององค์ประกอบ<title>
แต่ละรายการ โดยแยกจากส่วนที่เหลือของข้อความด้วยอักขระคั่น เช่น ขีดกลางสั้น (-), โคลอน (:) หรือไปป์ (|) ดังนี้<title>ExampleSocialSite: ลงชื่อสมัครใช้บัญชีใหม่</title>
- ระบุให้ชัดเจนว่าข้อความใดเป็นชื่อหลักของหน้านั้น Google ดูจากหลายแหล่งที่มาเมื่อสร้างลิงก์ Title ซึ่งรวมถึงชื่อของรูปภาพหลัก องค์ประกอบส่วนหัว และข้อความขนาดใหญ่และโดดเด่นอื่นๆ ซึ่งอาจสร้างความสับสนได้หากหลายส่วนหัวมีน้ำหนักของสายตาและความโดดเด่นเท่าๆ กัน พิจารณาให้ชื่อหลักแตกต่างจากข้อความอื่นๆ และโดดเด่นที่สุดในหน้าเว็บ (เช่น ใช้แบบอักษรที่ใหญ่กว่า ใส่ส่วนหัวในองค์ประกอบ
<h1>
แรกที่มองเห็นได้ในหน้า เป็นต้น) - โปรดระมัดระวังเกี่ยวกับการไม่อนุญาตเครื่องมือค้นหาให้รวบรวมข้อมูลจากหน้าเว็บของคุณ
การใช้โปรโตคอล robots.txt ในเว็บไซต์ แม้จะทำให้ Google หยุดการรวบรวมข้อมูลในหน้าเว็บได้ แต่อาจจะป้องกันการจัดทำดัชนีไม่ได้เสมอไป
ตัวอย่างเช่น Google อาจจัดทำดัชนีหน้าเว็บของคุณหากเราค้นพบจากการติดตามลิงก์จากเว็บไซต์ของผู้อื่น หากเข้าถึงเนื้อหาในหน้าเว็บไม่ได้ เราจะอาศัยเนื้อหาที่อยู่นอกหน้าเว็บเพื่อสร้างลิงก์ชื่อ เช่น anchor text จากเว็บไซต์อื่นๆ หากไม่ต้องการให้มีการจัดทำดัชนี URL ให้ใช้กฎ
noindex
- ใช้ภาษาและระบบเขียน (หมายถึงสคริปต์หรือตัวอักษรในภาษาที่ระบุ) เหมือนกับเนื้อหาหลักในหน้าเว็บ เช่น หากหน้าเว็บเขียนเป็นภาษาฮินดี ก็ต้องเขียนองค์ประกอบ
<title>
เป็นภาษาฮินดีด้วย (อย่าเขียนข้อความชื่อเป็นภาษาอังกฤษหรือทับศัพท์ด้วยตัวอักขระละติน)
Google พยายามแสดงลิงก์ Title ที่ตรงกับภาษาและระบบเขียนหลักของหน้าเว็บ หาก Google พิจารณาว่าองค์ประกอบ<title>
ไม่ตรงกับระบบเขียนหรือภาษาของเนื้อหาหลักของหน้า เราอาจเลือกข้อความอื่นเป็นลิงก์ Title - หลีกเลี่ยงการใส่ข้อมูลราคาเที่ยวบินในองค์ประกอบ
<title>
ระบบของเราอาจไม่แสดงข้อมูลราคาเมื่อสร้างลิงก์ Title สำหรับหน้าเที่ยวบิน เนื่องจากราคาสำหรับเที่ยวบินเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (บางครั้งอาจเปลี่ยนทุก 2-3 นาที) ดังนั้นราคาที่แสดงในลิงก์ Title อาจไม่ตรงกับราคาจริงในหน้า Landing Page
วิธีสร้างลิงก์ชื่อใน Google Search
Google สร้างลิงก์ชื่อในหน้าผลการค้นหาของ Google Search แบบอัตโนมัติทั้งหมด โดยคํานึงถึงทั้งเนื้อหาของหน้าเว็บและการอ้างอิงหน้าเว็บซึ่งปรากฏในอินเทอร์เน็ต เป้าหมายของลิงก์ชื่อคือเพื่อแสดงและบอกรายละเอียดของผลลัพธ์แต่ละรายการให้ดีที่สุด
Google Search ใช้แหล่งข้อมูลต่อไปนี้ในการกําหนดลิงก์ชื่อโดยอัตโนมัติ
- เนื้อหาในองค์ประกอบ
<title>
- ชื่อรูปภาพหลักที่แสดงในหน้าเว็บ
- องค์ประกอบส่วนหัว เช่น องค์ประกอบ
<h1>
- เนื้อหาในแท็ก
og:title
meta
- เนื้อหาอื่นๆ ที่มีขนาดใหญ่และโดดเด่นด้วยการใช้สไตล์
- ข้อความอื่นๆ ในหน้าเว็บ
- anchor text ในหน้าเว็บ
- ข้อความในลิงก์ที่ชี้ไปยังหน้าเว็บ
- Structured Data
WebSite
โปรดทราบว่า Google ต้องรวบรวมข้อมูลและประมวลผลหน้าเว็บอีกครั้งจึงจะเห็นการอัปเดตแหล่งที่มาเหล่านี้ ซึ่งอาจใช้เวลา 2-3 วันไปจนถึง 2-3 สัปดาห์ หากได้ทำการเปลี่ยนแปลง คุณจะขอให้ Google รวบรวมข้อมูลหน้าเว็บอีกครั้งได้
แม้ว่าเราจะเปลี่ยนลิงก์ Title ของเว็บไซต์แต่ละแห่งด้วยตนเองไม่ได้ แต่ก็มุ่งมั่นที่จะทำให้ลิงก์ Title เหล่านั้นมีความเกี่ยวข้องมากที่สุดอยู่เสมอ คุณปรับปรุงคุณภาพของลิงก์ชื่อที่ปรากฏในหน้าเว็บได้โดยทําตามแนวทางปฏิบัติแนะนำ
ปัญหาที่พบได้ทั่วไปและวิธีที่ Google จัดการกับปัญหาเหล่านั้น
ต่อไปนี้คือปัญหาที่พบได้ทั่วไปเกี่ยวกับลิงก์ Title ในผลการค้นหา หากต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ ให้ทําตามแนวทางปฏิบัติแนะนําในการควบคุมลิงก์ Title
ปัญหาที่พบได้ทั่วไป | |
---|---|
องค์ประกอบ |
เมื่อข้อความชื่อบางส่วนหายไป เช่น <title>| ชื่อเว็บไซต์</title> Google Search จะพิจารณาข้อมูลในองค์ประกอบส่วนหัวหรือข้อความอื่นๆ ที่มีขนาดใหญ่และเห็นได้ชัดในหน้าเว็บนั้นเพื่อสร้างลิงก์ Title ดังนี้ ชื่อผลิตภัณฑ์ | ชื่อเว็บไซต์ |
องค์ประกอบ
|
เมื่อมีการใช้หน้าเดียวกันทุกปีกับข้อมูลที่เกิดซ้ำๆ แต่ไม่ได้อัปเดตองค์ประกอบ <title>เกณฑ์การรับนักศึกษาปี 2020 - มหาวิทยาลัยสุดเจิด</title>
ในตัวอย่างนี้ หน้าเว็บดังกล่าวมีชื่อซึ่งมีขนาดใหญ่และเห็นได้ชัดเจนระบุว่า "เกณฑ์การรับนักศึกษาปี 2021" และองค์ประกอบ เกณฑ์การรับนักศึกษาปี 2021 - มหาวิทยาลัยสุดเจิด |
องค์ประกอบ
|
เมื่อองค์ประกอบ
Google Search จะพยายามพิจารณาว่าองค์ประกอบ ตุ๊กตาสัตว์ - ชื่อเว็บไซต์ |
ข้อความแบบ Micro-Boilerplate ในองค์ประกอบ
|
เมื่อมีข้อความแบบ Boilerplate ที่ซ้ำกันในองค์ประกอบ <title>รายการทีวีสุดแนวของฉัน</title> <title>รายการทีวีสุดแนวของฉัน</title> <title>รายการทีวีสุดแนวของฉัน</title> Google Search จะตรวจหาหมายเลขซีซันที่ใช้ในข้อความชื่อเรื่องที่มีขนาดใหญ่และเห็นได้ชัดเจน แล้วใส่หมายเลขซีซันในลิงก์ Title ดังนี้ ซีซัน 1 - รายการทีวีสุดแนวของฉัน ซีซัน 2 - รายการทีวีสุดแนวของฉัน ซีซัน 3 - รายการทีวีสุดแนวของฉัน |
ไม่มีชื่อหลักที่ชัดเจน |
เมื่อมีชื่อที่ใหญ่และเด่นชัดมากกว่า 1 รายการ และไม่ชัดเจนว่าข้อความใดเป็นชื่อหลักสำหรับหน้าเว็บ เช่น หน้าเว็บมีชื่อ 2 รายการขึ้นไปที่ใช้การจัดรูปแบบหรือส่วนหัวในระดับเดียวกัน หากตรวจพบว่ามีส่วนหัวขนาดใหญ่และเด่นชัดหลายรายการ Google Search อาจใช้ส่วนหัวแรกเป็นข้อความสําหรับลิงก์ Title พิจารณาให้ส่วนหัวหลักแตกต่างจากข้อความอื่นๆ และโดดเด่นที่สุดในหน้าเว็บ (เช่น ใช้แบบอักษรที่ใหญ่กว่า ใส่ส่วนหัวในองค์ประกอบ |
ระบบเขียนหรือภาษาที่ใช้ในองค์ประกอบ
|
เมื่อระบบเขียนหรือภาษาของข้อความใน |
ชื่อเว็บไซต์ซ้ำกันในองค์ประกอบ
|
ในกรณีของชื่อเว็บไซต์ระดับโดเมน Google อาจละเว้นชื่อเว็บไซต์จากลิงก์ Title หากมีชื่อซ้ำในชื่อเว็บไซต์ที่แสดงในผลการค้นหาอยู่แล้ว |
การส่งความคิดเห็นเกี่ยวกับลิงก์ชื่อ
หากคุณเห็นหน้าเว็บของตัวเองแสดงในผลการค้นหาพร้อมกับลิงก์ Title ที่มีการแก้ไข ให้ตรวจสอบว่าหน้าเว็บมีปัญหาใดปัญหาหนึ่งที่ทำให้ Google ต้องปรับเปลี่ยนลิงก์ Title หรือไม่ หากไม่มี ให้พิจารณาว่าลิงก์ Title ในผลการค้นหาเหมาะกับข้อความค้นหามากกว่าหรือไม่ หากต้องการพูดคุยเกี่ยวกับลิงก์ Title ของหน้า และดูความคิดเห็นเกี่ยวกับหน้าเว็บของคุณจากเจ้าของเว็บไซต์รายอื่นๆ โปรดเข้าร่วมชุมชนความช่วยเหลือของ Google Search Central