แจ้งให้ Google ทราบเกี่ยวกับเวอร์ชันที่แปลแล้วของหน้าเว็บ
หากคุณมีหน้าเว็บหลายเวอร์ชันสำหรับภาษาหรือภูมิภาคต่างๆ ให้แจ้ง Google เกี่ยวกับรูปแบบเหล่านี้ เพราะจะช่วยให้ Google Search นำผู้ใช้ไปยังเวอร์ชันที่เหมาะสมที่สุดของหน้าเว็บตามภาษาหรือภูมิภาคได้
โปรดทราบว่าแม้คุณจะไม่ดำเนินการดังกล่าว Google ก็อาจยังพบเวอร์ชันภาษาทางเลือกของหน้าเว็บได้ แต่ปกติแล้ววิธีที่ดีที่สุดคือการระบุหน้าเว็บสำหรับภาษาหรือภูมิภาคที่เฉพาะเจาะจงให้ชัดเจน
ตัวอย่างสถานการณ์ที่แนะนำให้มีการระบุหน้าเว็บทางเลือกมีดังนี้
- หากคุณมีเนื้อหาหลักภาษาเดียวและแปลเฉพาะเทมเพลต เช่น การนำทางและส่วนท้าย หน้าที่มีเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น เช่น ฟอรัม มักจะเป็นเช่นนี้
- หากเนื้อหามีความแตกต่างตามภูมิภาคเพียงเล็กน้อยโดยที่มีเนื้อหาที่คล้ายกันในภาษาเดียว ตัวอย่างเช่น คุณมีเนื้อหาภาษาอังกฤษที่มีเป้าหมายเป็นสหรัฐอเมริกา เกรทบริเตน และไอร์แลนด์
- หากเนื้อหาในเว็บไซต์มีการแปลเนื้อหาทั้งหมดเป็นภาษาต่างๆ เช่น คุณมีหน้าเวอร์ชันภาษาเยอรมันและภาษาอังกฤษสำหรับทุกหน้า
เราจะถือว่าหน้าเว็บเวอร์ชันแปลเป็นหน้าที่ซ้ำเฉพาะเมื่อเนื้อหาหลักในหน้าไม่ได้มีการแปล
วิธีระบุหน้าเว็บทางเลือก
การระบุเวอร์ชันสำหรับภาษา/สถานที่ต่างๆ ของหน้าเว็บให้ Google ทราบมี 3 วิธี ดังนี้
ทั้ง 3 วิธีการมีค่าเทียบเท่ากันจากมุมมองของ Google และคุณสามารถเลือกใช้วิธีที่สะดวกที่สุดสําหรับเว็บไซต์ของคุณ แม้ว่าจะใช้ทั้ง 3 วิธีนี้พร้อมกันได้ แต่ไม่มีประโยชน์ที่จะทำอย่างนั้นใน Search (ที่จริงแล้วอาจทำให้ยุ่งยากขึ้นไปอีกหากจะใช้ทั้ง 3 วิธีแทนที่จะเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง)
ใช้ hreflang
แจ้งให้ Google ทราบเกี่ยวกับรูปแบบต่างๆ ของเนื้อหา เพื่อให้เราเข้าใจว่าหน้าเหล่านี้คือเนื้อหาเดียวกันในเวอร์ชันที่แปลแล้ว Google ไม่ได้ใช้ hreflang
หรือแอตทริบิวต์ HTML lang
ในการตรวจหาภาษาของหน้าเว็บ แต่เราใช้อัลกอริทึมเพื่อระบุภาษาแทน
หลักเกณฑ์สำหรับทุกวิธีการ
- เวอร์ชันภาษาแต่ละเวอร์ชันต้องระบุตัวเองและเวอร์ชันภาษาอื่นๆ ทั้งหมด
- URL ทางเลือกต้องอยู่ในรูปแบบเต็มตามเกณฑ์ รวมถึงวิธีการส่ง (http/https) ซึ่งควรมีลักษณะดังนี้
https://example.com/foo
ไม่ใช่//example.com/foo
หรือ/foo
- URL ทางเลือกไม่จำเป็นต้องอยู่ในโดเมนเดียวกัน
-
หากคุณมี URL ทางเลือกหลายรายการที่มีเป้าหมายเป็นผู้ใช้ที่ใช้ภาษาเดียวกันแต่เป็นภาษาถิ่นอื่น ก็ควรมี URL แบบรับสำหรับผู้ใช้ที่ไม่ระบุข้อมูลทางภูมิศาสตร์ของภาษานั้นด้วย ตัวอย่างเช่น หากคุณมี URL เฉพาะสำหรับผู้ใช้ภาษาอังกฤษในไอร์แลนด์ (
en-ie
) แคนาดา (en-ca
) และออสเตรเลีย (en-au
) ก็ให้มีหน้าภาษาอังกฤษทั่วไป (en
) สำหรับผู้ค้นหาที่อยู่ในประเทศอื่นด้วย เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และสถานที่อื่นๆ ทั้งหมดที่พูดภาษาอังกฤษ คุณจะเลือกให้หน้านี้เป็นหน้าที่เจาะจงด้วยก็ได้ - ระบบจะไม่สนใจแท็กหากหน้า 2 หน้าไม่ได้นำไปที่กันและกัน เพื่อให้คนในเว็บไซต์อื่นไม่สามารถสร้างแท็กโดยตั้งชื่อตนเองว่าเป็นเวอร์ชันทางเลือกหนึ่งของหน้าเว็บของคุณ
- หากการรักษาลิงก์ 2 ทางของทุกภาษาให้เป็นชุดที่สมบูรณ์นั้นทำได้ยาก คุณละเว้นบางภาษาในบางหน้าได้ Google จะยังคงประมวลผลลิงก์ที่นำไปที่กันและกัน อย่างไรก็ตาม คุณควรลิงก์หน้าภาษาที่ขยายเพิ่มใหม่ไปยังภาษาดั้งเดิม/ภาษาหลักแบบ 2 ทาง ตัวอย่างเช่น หากเว็บไซต์ของคุณสร้างเป็นภาษาฝรั่งเศสในตอนแรกโดยมี URL เป็น
.fr
ก็ควรลิงก์หน้าใหม่อย่างเม็กซิโก (.mx
) และสเปน (.es
) ไปยังหน้าเว็บหลักเวอร์ชัน.fr
มากกว่าที่จะลิงก์หน้าเว็บใหม่ที่เป็นภาษาสเปนถิ่นต่างๆ (.mx
และ.es
) ไปยังกันและกันแบบ 2 ทาง - คุณควรเพิ่มหน้าสำรองสำหรับภาษาที่ไม่ตรงกัน โดยเฉพาะในตัวเลือกภาษา/ประเทศ หรือการเปลี่ยนเส้นทางหน้าแรกโดยอัตโนมัติ ใช้ค่า
x-default
:
<link rel="alternate" href="https://example.com/" hreflang="x-default" />
แท็ก HTML
เพิ่มเอลิเมนต์ <link rel="alternate" hreflang="lang_code"... >
ในส่วนหัวของหน้าเว็บเพื่อแจ้งให้ Google ทราบเกี่ยวกับรูปแบบสำหรับภาษาและภูมิภาคทั้งหมดของหน้า ซึ่งจะเป็นประโยชน์หากคุณไม่มีแผนผังเว็บไซต์หรือระบุส่วนหัวการตอบกลับของ HTTP ของเว็บไซต์ไม่ได้
สําหรับหน้าเว็บแต่ละรูปแบบ ให้ใส่ชุดเอลิเมนต์ <link>
ในเอลิเมนต์ <head>
1 ลิงก์สำหรับแต่ละรูปแบบของหน้ารวมทั้งตัวเองด้วย ชุดลิงก์ของหน้าทุกหน้าจะเหมือนกันทุกประการ
ดูหลักเกณฑ์เพิ่มเติม
ไวยากรณ์ของเอลิเมนต์ link
แต่ละรายการเป็นดังนี้
<link rel="alternate" hreflang="lang_code" href="url_of_page" />
ไวยากรณ์ | |
---|---|
lang_code |
รหัสภาษา/ภูมิภาคที่รองรับซึ่งเวอร์ชันนี้ของหน้ากำหนดเป้าหมายไว้ หรือ x-default ที่จะจับคู่ภาษาที่แท็ก hreflang ไม่ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนในหน้าเว็บ
|
url_of_page |
URL ที่สมบูรณ์ในตัวเองของเวอร์ชันของหน้านี้สำหรับภาษา/ภูมิภาคที่ระบุ |
แท็ก <link>
ต้องอยู่ภายในส่วน <head>
ที่มีรูปแบบที่ถูกต้องของ HTML หากไม่แน่ใจ ให้วางโค้ดจากหน้าเว็บที่แสดงผลในเครื่องมือตรวจสอบ HTML เพื่อตรวจสอบว่าลิงก์อยู่ภายในเอลิเมนต์ <head>
นอกจากนี้ อย่ารวมแท็ก link
สำหรับการแสดงเอกสารรูปแบบอื่น เช่น อย่ารวมคำอธิบายประกอบ hreflang
ที่มีแอตทริบิวต์อื่นๆ เช่น media
ในแท็ก <link>
แท็กเดียว
ตัวอย่าง
บริษัทตัวอย่างชื่อ Widgets มีเว็บไซต์ที่ให้บริการผู้ใช้ในสหรัฐฯ เกรทบริเตน และเยอรมนี URL ต่อไปนี้มีเนื้อหาส่วนใหญ่เหมือนกัน แต่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค
URL ที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค | |
---|---|
https://en.example.com/page.html |
หน้าแรกเป็นภาษาอังกฤษทั่วไปที่มีข้อมูลค่าธรรมเนียมการจัดส่งสินค้าระหว่างประเทศจากสหรัฐอเมริกา |
https://en-gb.example.com/page.html |
หน้าแรกของสหราชอาณาจักรที่แสดงราคาเป็นเงินปอนด์สเตอร์ลิง |
https://en-us.example.com/page.html |
หน้าแรกของสหรัฐฯ ที่แสดงราคาเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ |
https://de.example.com/page.html |
หน้าแรกเป็นภาษาเยอรมัน |
https://www.example.com/ |
หน้าเริ่มต้นที่ไม่ได้กำหนดเป้าหมายเป็นภาษาหรือสถานที่ใดๆ มีตัวเลือกเพื่อให้ผู้ใช้เลือกภาษาและภูมิภาคของตน |
โปรดทราบว่า Google ไม่ได้ใช้โดเมนย่อยที่เจาะจงภาษาใน URL เหล่านี้ (en
, en-gb
, en-us
, de
) เพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายของหน้าเว็บ คุณต้องแมปกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน
นี่เป็น HTML ที่จะอยู่ในส่วน <head>
ของหน้าเว็บทั้งหมดที่ระบุใน URL ที่มีตารางตัวแปรเกี่ยวกับภูมิภาค ซึ่งจะนำผู้ใช้ภาษาอังกฤษทั่วไปจากสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร รวมถึงผู้ใช้ภาษาเยอรมันไปยังหน้าที่แปลแล้ว และนำผู้ใช้ภาษาอื่นๆ ไปยังหน้าแรกทั่วไป Google Search จะแสดงผลการค้นหาที่เหมาะสำหรับผู้ใช้ตามการตั้งค่าเบราว์เซอร์ของผู้ใช้
<head> <title>Widgets, Inc</title> <link rel="alternate" hreflang="en-gb" href="https://en-gb.example.com/page.html" /> <link rel="alternate" hreflang="en-us" href="https://en-us.example.com/page.html" /> <link rel="alternate" hreflang="en" href="https://en.example.com/page.html" /> <link rel="alternate" hreflang="de" href="https://de.example.com/page.html" /> <link rel="alternate" hreflang="x-default" href="https://www.example.com/" /> </head>
ส่วนหัว HTTP
คุณแสดงผลส่วนหัว HTTP พร้อมการตอบสนอง GET ของหน้าเว็บเพื่อแจ้งให้ Google ทราบเกี่ยวกับรูปแบบภาษาและภูมิภาคทั้งหมดของหน้าเว็บได้ ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับไฟล์ที่ไม่ใช่ HTML (เช่น PDF)
รูปแบบของส่วนหัวเป็นดังนี้
Link: <url1>; rel="alternate"; hreflang="lang_code_1", <url2>; rel="alternate"; hreflang="lang_code_2", ...
ไวยากรณ์ | |
---|---|
<url_x> |
URL ที่สมบูรณ์ในตัวเองของหน้าเว็บทางเลือกซึ่งตรงกับสตริงสถานที่ที่กำหนดให้กับแอตทริบิวต์ hreflang ที่เชื่อมโยง URL ต้องมีเครื่องหมาย < และ > คร่อมอยู่ ตัวอย่างเช่น <https://www.google.com> |
lang_code_x |
รหัสภาษา/ภูมิภาคที่รองรับซึ่งเวอร์ชันนี้ของหน้ากำหนดเป้าหมายไว้ หรือ x-default ที่จะจับคู่ภาษาที่แท็ก hreflang ไม่ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนในหน้าเว็บ |
คุณต้องระบุชุดค่า <url>
, rel="alternate"
และ hreflang
สำหรับทุกเวอร์ชันของหน้าเว็บ รวมทั้งเวอร์ชันที่ขอ โดยคั่นด้วยคอมมาดังที่แสดงไว้ในตัวอย่างต่อไปนี้ Link:
: ส่วนหัวที่แสดงผลสำหรับทุกเวอร์ชันของหน้าจะเหมือนกันทุกประการ ดูหลักเกณฑ์เพิ่มเติม
ตัวอย่าง
นี่คือตัวอย่าง Link:
ส่วนหัวที่แสดงโดยเว็บไซต์ที่มีไฟล์ PDF 3 เวอร์ชัน ได้แก่ เวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ภาษาอังกฤษ เวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ภาษาเยอรมันจากสวิตเซอร์แลนด์ และอีกเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ภาษาเยอรมันอื่นๆ
Link: <https://example.com/file.pdf>; rel="alternate"; hreflang="en", <https://de-ch.example.com/file.pdf>; rel="alternate"; hreflang="de-ch", <https://de.example.com/file.pdf>; rel="alternate"; hreflang="de"
Sitemap
คุณใช้ XML Sitemap เพื่อบอก Google เกี่ยวกับรูปแบบสำหรับภาษาและภูมิภาคทั้งหมดสำหรับ URL แต่ละรายการได้ ซึ่งทำได้โดยเพิ่มเอลิเมนต์ <loc>
ที่ระบุ URL เดียว โดยมีรายการย่อย <xhtml:link>
ซึ่งแสดงรูปแบบสำหรับภาษา/สถานที่ทุกรายการของหน้าเว็บ รวมถึงรายการของตัวเอง ดังนั้นหากคุณมีหน้าเว็บ 3 เวอร์ชัน Sitemap ก็จะมีรายการสําหรับ URL ของแต่ละเวอร์ชัน และแต่ละรายการจะมีรายการย่อยที่เหมือนกัน 3 รายการ
กฎของแผนผังเว็บไซต์
-
ระบุเนมสเปซของ xhtml ดังนี้
xmlns:xhtml="http://www.w3.org/1999/xhtml"
-
สร้างเอลิเมนต์
<url>
สําหรับแต่ละ URL แยกต่างหากเหมือนที่คุณทํากับ Sitemap อื่นๆ - เอลิเมนต์
<url>
แต่ละรายการต้องมี<loc>
ย่อยที่ระบุ URL ของหน้า -
เอลิเมนต์
<url>
แต่ละรายการต้องมีเอลิเมนต์ย่อย<xhtml:link rel="alternate" hreflang="supported_language-code">
ที่ระบุเวอร์ชันทางเลือกของหน้าเว็บ รวมถึงหน้าเว็บนั้นเอง ลำดับของเอลิเมนต์<xhtml:link>
ย่อยเหล่านี้ไม่สำคัญ แต่คุณอาจต้องเก็บไว้ตามลำดับเดิมเพื่อให้ตรวจหาข้อผิดพลาดได้ง่ายขึ้น องค์ประกอบย่อยจะไม่นับรวมในขีดจํากัด URL สําหรับ Sitemap - อัปโหลด Sitemap ไปยังไดเรกทอรีในเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง โปรดทราบว่า Sitemap จะมีได้เฉพาะ URL สืบทอดของไดเรกทอรีที่โฮสต์ Sitemap เท่านั้น
- เอกสารประกอบเกี่ยวกับ Sitemap จะใช้กับส่วนขยาย Sitemap ด้วย ทําตามหลักเกณฑ์เกี่ยวกับ Sitemap ทั่วไป
- ดูหลักเกณฑ์เพิ่มเติม
ตัวอย่าง
นี่คือหน้าเว็บภาษาอังกฤษที่กำหนดเป้าหมายไปที่ผู้ใช้ภาษาอังกฤษทั่วโลก โดยมีหน้าเว็บเวอร์ชันเทียบเท่าที่กำหนดเป้าหมายไปยังผู้ใช้ภาษาเยอรมันทั่วโลก และผู้ใช้ภาษาเยอรมันที่อาศัยอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ URL ทั้งหมดที่มีอยู่ในเว็บไซต์มีดังนี้
www.example.com/english/page.html
กำหนดเป้าหมายไปยังผู้ใช้ภาษาอังกฤษwww.example.de/deutsch/page.html
กำหนดเป้าหมายไปยังผู้ใช้ภาษาเยอรมันwww.example.de/schweiz-deutsch/page.html
กำหนดเป้าหมายไปยังผู้ใช้ภาษาเยอรมันในสวิตเซอร์แลนด์
แผนผังเว็บไซต์ของหน้าเว็บทั้ง 3 เป็นดังนี้
<?xml version="1.0" encoding="UTF-8"?> <urlset xmlns="http://www.sitemaps.org/schemas/sitemap/0.9" xmlns:xhtml="http://www.w3.org/1999/xhtml"> <url> <loc>https://www.example.com/english/page.html</loc> <xhtml:link rel="alternate" hreflang="de" href="https://www.example.de/deutsch/page.html"/> <xhtml:link rel="alternate" hreflang="de-ch" href="https://www.example.de/schweiz-deutsch/page.html"/> <xhtml:link rel="alternate" hreflang="en" href="https://www.example.com/english/page.html"/> </url> <url> <loc>https://www.example.de/deutsch/page.html</loc> <xhtml:link rel="alternate" hreflang="de" href="https://www.example.de/deutsch/page.html"/> <xhtml:link rel="alternate" hreflang="de-ch" href="https://www.example.de/schweiz-deutsch/page.html"/> <xhtml:link rel="alternate" hreflang="en" href="https://www.example.com/english/page.html"/> </url> <url> <loc>https://www.example.de/schweiz-deutsch/page.html</loc> <xhtml:link rel="alternate" hreflang="de" href="https://www.example.de/deutsch/page.html"/> <xhtml:link rel="alternate" hreflang="de-ch" href="https://www.example.de/schweiz-deutsch/page.html"/> <xhtml:link rel="alternate" hreflang="en" href="https://www.example.com/english/page.html"/> </url> </urlset>
รหัสภาษาและภูมิภาคที่รองรับ
ค่าของแอตทริบิวต์ hreflang
ประกอบด้วยค่า 1 ค่า หรือ 2 ค่า (ไม่บังคับ) โดยคั่นด้วยเครื่องหมายขีดกลาง เช่น en-US
รหัสแรกของแอตทริบิวต์ hreflang
คือรหัสภาษา (ในรูปแบบ ISO 639-1) ตามด้วยรหัสซึ่งไม่บังคับ 2 รหัสที่แสดงถึงรหัสภูมิภาค (ในรูปแบบ ISO 3166-1 Alpha 2) ของ URL ทางเลือก
หากต้องการกําหนดเป้าหมายผู้ใช้ภาษาต่างๆ ในเบลเยียม คุณอาจใช้รหัสภาษาและภูมิภาคต่อไปนี้
- ดี (ภาษาเยอรมันสําหรับผู้ใช้ในเบลเยียม):
de-be
- ดี (ภาษาดัตช์สําหรับผู้ใช้ในเบลเยียม):
nl-be
- ดี (ภาษาฝรั่งเศสสําหรับผู้ใช้ในเบลเยียม):
fr-be
- ไม่ดี เพราะรหัสแรกเป็นรหัสภาษา (
be
คือรหัสภาษาเบลารุส):be
คุณระบุรหัสภาษาเพียงอย่างเดียวได้เพื่อให้ติดป้ายกำกับง่ายขึ้น เช่น
de
: เนื้อหาภาษาเยอรมัน ไม่กำหนดภูมิภาคen-GB
: เนื้อหาภาษาอังกฤษ สำหรับผู้ใช้ในสหราชอาณาจักรde-ES
: เนื้อหาภาษาเยอรมัน สำหรับผู้ใช้ในสเปน
สำหรับรูปแบบสคริปต์ภาษาต่างๆ สคริปต์ที่เหมาะสมจะถูกดึงจากประเทศนั้นๆ ตัวอย่างเช่น เมื่อใช้ zh-TW
สำหรับผู้ใช้ในไต้หวัน ระบบจะดึงสคริปต์ภาษาโดยอัตโนมัติ (ในตัวอย่างนี้คือภาษาจีนตัวเต็ม) คุณยังสามารถระบุสคริปต์นั้นเองอย่างชัดเจนโดยใช้ ISO 15924 ดังนี้
zh-Hant
: ภาษาจีน (ตัวเต็ม)zh-Hans
: ภาษาจีน (ตัวย่อ)
เช่นเดียวกับรหัสภาษาอื่นๆ คุณสามารถระบุภูมิภาคตัวเลือกได้ด้วย เช่น ใช้ zh-Hans-US
เพื่อระบุภาษาจีน (ตัวย่อ) สำหรับผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกา
ใช้ค่า x-default
สําหรับภาษาที่ไม่ตรงกัน
ระบบจะใช้ค่า x-default
ที่สงวนไว้นี้เมื่อไม่มีภาษา/ภูมิภาคอื่นตรงกับการตั้งค่าเบราว์เซอร์ของผู้ใช้ เราขอแนะนําให้ใช้ตัวเลือกนี้เพื่อระบุหน้าสํารองสําหรับผู้ใช้ที่ตั้งค่าภาษาไม่ตรงกับเวอร์ชันเว็บไซต์ที่แปลแล้ว แม้ว่าคุณสามารถใช้ค่า x-default
กับทุกหน้าได้ แต่ค่าดังกล่าวออกแบบมาสําหรับหน้าตัวเลือกภาษา และจะทํางานกับหน้าเหล่านั้นได้ดีที่สุด
ไม่จำเป็นต้องระบุรหัสภาษาสำหรับค่า x-default
โดยระบบจะกำหนดเป้าหมายหน้าเว็บให้กับผู้ใช้ซึ่งมีการตั้งค่าภาษาไม่ตรงกับในเว็บไซต์ ภาษาของหน้านั้นจึงไม่เกี่ยวข้อง
หากต้องการใช้คําอธิบายประกอบ hreflang="x-default"
ให้ใส่แท็ก link
เพิ่มเติมลงในคําอธิบายประกอบ hreflang
ที่มีอยู่ และตั้งค่าแอตทริบิวต์ href
ให้กับ URL ที่คุณต้องการให้ผู้ใช้ไปถึง หากเว็บไซต์ไม่รองรับภาษาของผู้ใช้ ตัวอย่างเช่น การติดตั้ง HTML อาจมีลักษณะเช่นนี้
<link rel="alternate" href="https://example.com/en-gb" hreflang="en-gb" /> <link rel="alternate" href="https://example.com/en-us" hreflang="en-us" /> <link rel="alternate" href="https://example.com/en-au" hreflang="en-au" /> <link rel="alternate" href="https://example.com/country-selector" hreflang="x-default" />
การแก้ปัญหา
ข้อผิดพลาดทั่วไป
ข้อผิดพลาดในการใช้งาน hreflang
ที่พบบ่อยมีดังนี้
-
ไม่มีลิงก์ส่งกลับ: หากหน้า ก ลิงก์ไปยังหน้า ข หน้า ข ต้องลิงก์กลับมาที่หน้า ก หากหน้าที่ใช้คำอธิบายประกอบ
hreflang
บางหน้าไม่ได้มีลักษณะแบบนี้ ระบบอาจไม่สนใจคำอธิบายประกอบดังกล่าว หรือไม่ได้รับการตีความอย่างถูกต้อง เช่น พิจารณาลิงก์นี้บนhttps://de.example.com/index.html
:<link rel="alternate" hreflang="en-gb" href="https://en-gb.example.com/index.html" />
นอกจากนี้ คุณยังต้องมีลิงก์hreflang
ในhttps://en-gb.example.com/index.html
ที่ชี้ไปยังเวอร์ชันde
ของเนื้อหา:<link rel="alternate" hreflang="de" href="https://de.example.com/index.html" />
- รหัสภาษาไม่ถูกต้อง: โปรดตรวจสอบว่ารหัสภาษาทั้งหมดที่คุณใช้นั้นมีการระบุภาษา (ในรูปแบบ ISO 639-1) และภูมิภาค (ไม่บังคับสำหรับภูมิภาค) (ในรูปแบบ ISO 3166-1 Alpha 2) ของ URL ทางเลือก ทั้งนี้ไม่สามารถระบุภูมิภาคอย่างเดียวได้
การแก้ไขข้อผิดพลาด hreflang
มีเครื่องมือของบุคคลที่สามมากมายที่คุณสามารถใช้เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องของคําอธิบายประกอบ hreflang
เครื่องมือที่ได้รับความนิยมมีดังนี้ (Google ไม่ได้ดูแลรักษาหรือตรวจสอบเครื่องมือเหล่านี้)
-
เครื่องมือสร้างแท็ก
hreflang
ของ Aleyda Solis สำหรับสร้างหรือแก้ไขแท็กhreflang
-
เครื่องมือทดสอบแท็ก
hreflang
ของ Merkle SEO สำหรับตรวจสอบความถูกต้องของแท็กhreflang
ในหน้าที่เผยแพร่แล้วหน้าเดียว