Structured Data สำหรับหน้าโปรไฟล์ (ProfilePage)

ภาพแสดงตัวกรองความคิดเห็นในผลการค้นหา

มาร์กอัป ProfilePage ออกแบบมาสำหรับเว็บไซต์ที่ครีเอเตอร์ (บุคคลหรือองค์กร) แชร์ความคิดเห็นโดยตรง ซึ่งช่วยให้ Google Search ไฮไลต์ข้อมูลเกี่ยวกับครีเอเตอร์ได้ดียิ่งขึ้น เช่น ชื่อหรือแฮนเดิลโซเชียล รูปโปรไฟล์ จำนวนผู้ติดตาม หรือความนิยมของเนื้อหา นอกจากนี้ Google Search ยังใช้มาร์กอัปนี้เมื่อหาความชัดเจนเกี่ยวกับผู้สร้างเนื้อหา และใช้ในฟีเจอร์ต่างๆ เช่น ความคิดเห็นและการสนทนาและฟอรัม

ฟีเจอร์อื่นๆ ของ Structured Data สามารถลิงก์ไปยังหน้าที่มีมาร์กอัป ProfilePage ได้ด้วย เช่น Structured Data บทความและสูตรอาหารมีผู้เขียน และบ่อยครั้งที่มีผู้เขียนหลายคนอยู่ในฟอรัมสนทนาและหน้าถามและตอบ

วิธีเพิ่มข้อมูลที่มีโครงสร้าง

ข้อมูลที่มีโครงสร้างคือรูปแบบมาตรฐานในการแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับหน้าและจำแนกประเภทเนื้อหาของหน้า หากคุณเพิ่งใช้ข้อมูลที่มีโครงสร้างเป็นครั้งแรก โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการทำงานของข้อมูลที่มีโครงสร้าง

ต่อไปนี้เป็นภาพรวมเกี่ยวกับวิธีสร้าง ทดสอบ และเผยแพร่ข้อมูลที่มีโครงสร้าง ดูคำแนะนำทีละขั้นตอนเกี่ยวกับวิธีเพิ่มข้อมูลที่มีโครงสร้างลงในหน้าเว็บได้ใน Codelab สำหรับข้อมูลที่มีโครงสร้าง

  1. เพิ่มพร็อพเพอร์ตี้ที่จำเป็น ดูตำแหน่งการแทรก Structured Data ในหน้าเว็บตามรูปแบบที่คุณใช้อยู่
  2. ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์
  3. ตรวจสอบความถูกต้องของโค้ดโดยใช้การทดสอบผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดีย และแก้ไขข้อผิดพลาดที่สําคัญทั้งหมด พิจารณาแก้ไขปัญหาที่ไม่สําคัญซึ่งอาจมีการรายงานในเครื่องมือด้วย เพราะอาจช่วยปรับปรุงคุณภาพของ Structured Data ได้ (แต่ไม่จําเป็นว่าต้องมีสิทธิ์ปรากฏในผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดีย)
  4. ทำให้หน้าบางหน้าที่มีข้อมูลที่มีโครงสร้างใช้งานได้และใช้เครื่องมือตรวจสอบ URL เพื่อทดสอบว่า Google เห็นหน้าในลักษณะใด ตรวจสอบว่า Google เข้าถึงหน้าดังกล่าวได้และไม่มีการบล็อกหน้าด้วยไฟล์ robots.txt, แท็ก noindex หรือข้อกำหนดให้เข้าสู่ระบบ หากหน้าเว็บดูถูกต้องดีแล้ว คุณขอให้ Google ทำการ Crawl URL อีกครั้งได้
  5. หากต้องการให้ Google ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอยู่ตลอด เราขอแนะนำให้ส่ง Sitemap ซึ่งกำหนดให้ดำเนินการแบบอัตโนมัติได้โดยใช้ Search Console Sitemap API

ตัวอย่าง

นี่คือตัวอย่างของหน้าโปรไฟล์ที่มีมาร์กอัป

JSON-LD

<html>
  <head>
    <title>Angelo Huff on Cool Forum Platform</title>
    <script type="application/ld+json">
    {
      "@context": "https://schema.org",
      "@type": "ProfilePage",
      "dateCreated": "2024-12-23T12:34:00-05:00",
      "dateModified": "2024-12-26T14:53:00-05:00",
      "mainEntity": {
        "@type": "Person",
        "name": "Angelo Huff",
        "alternateName": "ahuff23",
        "identifier": "123475623",
        "interactionStatistic": [{
          "@type": "InteractionCounter",
          "interactionType": "https://schema.org/FollowAction",
          "userInteractionCount": 1
        },{
          "@type": "InteractionCounter",
          "interactionType": "https://schema.org/LikeAction",
          "userInteractionCount": 5
        }],
        "agentInteractionStatistic": {
          "@type": "InteractionCounter",
          "interactionType": "https://schema.org/WriteAction",
          "userInteractionCount": 2346
        },
        "description": "Defender of Truth",
        "image": "https://example.com/avatars/ahuff23.jpg",
        "sameAs": [
          "https://www.example.com/real-angelo",
          "https://example.com/profile/therealangelohuff"
        ]
      }
    }
    </script>
  </head>
  <body>
  </body>
</html>
Microdata

<html>
  <head>
    <title>Angelo Huff on Cool Forum Platform</title>
  </head>
  <body itemtype="https://schema.org/ProfilePage" itemscope>
    <meta itemprop="dateCreated" content="2024-12-23T12:34:00-05:00" />
  	<meta itemprop="dateModified" content="2024-12-26T14:53:00-05:00" />
    <div itemprop="mainEntity" itemtype="https://schema.org/Person" itemscope>
      <div><span itemprop="alternateName" id="handle">ahuff23</span> (<span itemprop="name" id="real-name">Angelo Huff</span>)</div>
      <meta itemprop="identifier" content="123475623" />
      <div itemprop="description">Defender of Truth</div>
      <img itemprop="image" src="https://example.com/avatars/ahuff23.jpg" />
      <div>Links: <a itemprop="sameAs" href="https://www.therealangelohuff.com">Home Page</a><br>
                  <a itemprop="sameAs" href="https://example.com/profile/therealangelohuff">Other Social Media Site</a></div>
      <div><span itemprop="interactionStatistic" itemtype="https://schema.org/InteractionCounter" itemscope>
              <span itemprop="userInteractionCount">5</span>
              <span itemprop="interactionType" content="https://schema.org/LikeAction">likes</span>
           </span>,
           <span itemprop="interactionStatistic" itemtype="https://schema.org/InteractionCounter" itemscope>
              <span itemprop="userInteractionCount">1</span>
              <span itemprop="interactionType" content="https://schema.org/FollowAction">follower</span>
           </span>, and
           <span itemprop="agentInteractionStatistic" itemtype="https://schema.org/InteractionCounter" itemscope>
              <span itemprop="userInteractionCount">2346</span>
              <span itemprop="interactionType" content="https://schema.org/WriteAction">posts</span>
           </span>
       </div>
    </div>
  </body>
</html>

หลักเกณฑ์

คุณต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ต่อไปนี้เพื่อให้ Structured Data ในหน้าโปรไฟล์มีสิทธิ์ใช้ใน Google Search

หลักเกณฑ์เนื้อหา

  • เนื้อหาสำคัญของหน้าต้องเป็นบุคคลหรือองค์กรเดียวที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์โดยรวม ต่อไปนี้คือตัวอย่างของหน้าโปรไฟล์

    Use Case ที่ถูกต้อง:

    • หน้าโปรไฟล์ผู้ใช้ในฟอรัมหรือเว็บไซต์โซเชียลมีเดีย
    • หน้าผู้เขียนในเว็บไซต์ข่าว
    • หน้า "เกี่ยวกับฉัน" บนเว็บไซต์บล็อก
    • หน้าพนักงานในเว็บไซต์บริษัท

    Use Case ที่ไม่ถูกต้อง:

    • หน้าแรกหลักของร้านค้า (มักจะมีข้อมูลที่ไม่ใช่โปรไฟล์จำนวนมาก)
    • เว็บไซต์รีวิวขององค์กร (องค์กรไม่ได้เชื่อมโยงกับเว็บไซต์)

หลักเกณฑ์ทางเทคนิค

หากหน้าโปรไฟล์มีกิจกรรมล่าสุดของครีเอเตอร์ด้วย คุณสามารถใส่มาร์กอัปโดยใช้ URL ในออบเจ็กต์เหล่านั้นเพื่ออ้างอิงหน้าที่มีเนื้อหาและมาร์กอัปแบบเต็มได้ ตัวอย่างต่อไปนี้เป็นโครงสร้างมาร์กอัปที่เป็นไปได้แบบหนึ่ง

{
  "@context": "https://schema.org",
  "@type": "ProfilePage",
  "mainEntity": {
    "@id": "#main-author",
    "@type": "Person",
    "name": "Marlo Smith"
  },
  "hasPart": [{
    "@type": "Article",
    "headline": "Things to see in NJ",
    "url": "https://example.com/things-to-see-nj",
    "datePublished": "2014-02-23T18:34:00Z",
    "author": { "@id": "#main-author" }
  }]
}

คำจำกัดความของประเภท Structured Data

คุณต้องใส่พร็อพเพอร์ตี้ที่จำเป็นเพื่อให้ Structured Data มีสิทธิ์แสดงในผลการค้นหา คุณอาจใส่พร็อพเพอร์ตี้ที่แนะนำด้วยเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหน้าโปรไฟล์ ซึ่งจะช่วยทำให้ประสบการณ์ของผู้ใช้ดียิ่งขึ้น

ProfilePage

ดูคำจำกัดความที่สมบูรณ์ของ ProfilePage ได้ที่ schema.org/ProfilePage

พร็อพเพอร์ตี้ที่จำเป็น
mainEntity

Person หรือ Organization

บุคคลหรือองค์กรที่หน้าโปรไฟล์นี้แสดงถึง ซึ่งหมายความว่าเนื้อหาสำคัญของหน้านี้คือข้อมูลเกี่ยวกับเอนทิตีนี้

พยายามใช้ประเภทที่ถูกต้องหากมีข้อมูลดังกล่าว (หมายถึงในกรณีที่คุณรู้ว่าหน้าเว็บเป็นตัวแทนของบุคคลหรือองค์กร) ไม่เช่นนั้น ให้กำหนดค่าเริ่มต้นเป็น Person (เช่น หากเป็นบัญชีที่ไม่รู้จัก)

พร็อพเพอร์ตี้ที่แนะนำ
dateCreated

DateTime

วันที่และเวลาที่สร้างโปรไฟล์ (หากมี) ในรูปแบบวันที่ ISO 8601

dateModified

DateTime

วันที่และเวลาที่มีการแก้ไขข้อมูลในโปรไฟล์ (หากมี) ในรูปแบบวันที่ ISO 8601 ตามหลักแล้ว กรณีนี้จะแสดงเฉพาะการเปลี่ยนแปลงข้อมูลเมตาของโปรไฟล์ที่แก้ไขโดยมนุษย์เท่านั้น (เช่น การเพิ่มลิงก์ออกนอกแอปอื่นๆ ไปยังที่ที่มีการอ้างอิงโปรไฟล์นี้จะไม่ถือว่าเป็นการแก้ไข)

Person หรือ Organization

ทั้ง schema.org/Person และ schema.org/Organization จะใช้พร็อพเพอร์ตี้ทั่วไปที่ Google ใช้

พร็อพเพอร์ตี้ที่จำเป็น
name

Text

วิธีหลักในการระบุตัวบุคคลหรือองค์กร เราขอแนะนำให้ใช้ช่องนี้สำหรับชื่อจริง (และ alternateName สำหรับแฮนเดิลโซเชียลมีเดีย) อย่างไรก็ตาม คุณใช้ช่องนี้เพื่อระบุแฮนเดิลโซเชียลมีเดียได้หากนั่นเป็นวิธีเดียวที่จะระบุตัวบุคคลดังกล่าวในเว็บไซต์ได้

พร็อพเพอร์ตี้ที่แนะนำ
agentInteractionStatistic

InteractionCounter

สถิติของผู้ใช้เกี่ยวกับพฤติกรรมของเอนทิตีเองในหน้าโปรไฟล์ (หากมี)

Google รู้จัก interactionTypes ต่อไปนี้

alternateName

Text

ตัวระบุสาธารณะอื่น (หากมี) เช่น แฮนเดิลโซเชียลมีเดียหากมีการใช้ชื่อจริงของบุคคลในช่อง name

description

Text

ข้อมูลผู้เขียนหรือข้อมูลเข้าสู่ระบบที่เกี่ยวข้องของผู้ใช้ (หากมี)

identifier

Text

ตัวระบุที่ไม่ซ้ำซึ่งใช้ภายในเว็บไซต์ของคุณ (หากมี) โดยอาจเป็นรหัสฐานข้อมูลภายในที่เว็บไซต์ใช้เพื่อระบุผู้ใช้ แม้ว่าแฮนเดิลโซเชียลมีเดียของผู้ใช้จะมีการเปลี่ยนแปลงก็ตาม

image

URL หรือ ImageObject

URL หรือ ImageObject รูปโปรไฟล์ของครีเอเตอร์ (หากมี) หากไม่มีรูปภาพ ก็ไม่ต้องใส่รูปภาพเริ่มต้น ไอคอน หรือรูปภาพตัวยึดตำแหน่งในฟิลด์นี้

หลักเกณฑ์เพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปภาพ

  • ทุกหน้าต้องมีรูปภาพอย่างน้อย 1 รูป (ไม่ว่าคุณจะใส่มาร์กอัปหรือไม่) Google จะเลือกรูปภาพที่ดีที่สุดเพื่อแสดงในผลการค้นหาของ Search โดยอิงตามสัดส่วนภาพและความละเอียด
  • URL รูปภาพต้องรวบรวมข้อมูลและจัดทำดัชนีได้ หากต้องการตรวจสอบว่า Google เข้าถึง URL ได้หรือไม่ ให้ใช้เครื่องมือตรวจสอบ URL
  • รูปภาพต้องแสดงถึงเนื้อหาที่มาร์กอัป
  • รูปภาพต้องอยู่ในรูปแบบไฟล์ที่ Google รูปภาพรองรับ
  • เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เราขอแนะนำให้ใช้รูปภาพความละเอียดสูงหลายภาพ (อย่างน้อย 50,000 พิกเซลเมื่อคำนวณจากความกว้างคูณความสูง) และมีสัดส่วนภาพเป็น 16x9, 4x3 หรือ 1x1

ตัวอย่างเช่น

"image": [
  "https://example.com/photos/1x1/photo.jpg",
  "https://example.com/photos/4x3/photo.jpg",
  "https://example.com/photos/16x9/photo.jpg"
]
interactionStatistic

InteractionCounter

สถิติของผู้ใช้ที่มีผลกับเอนทิตีหน้าโปรไฟล์ (หากมี) ใส่เฉพาะสถิติเกี่ยวกับแพลตฟอร์มที่โฮสต์หน้าโปรไฟล์ (อย่าระบุว่าครีเอเตอร์มีผู้ติดตาม 100,000 คนในหน้าแรกของครีเอเตอร์ด้วย)

Google รู้จัก interactionTypes ต่อไปนี้

sameAs

URL

URL ไปยังโปรไฟล์ภายนอกอื่นๆ หรือหน้าแรกของโปรไฟล์นั้น (หากมี)

ตรวจสอบผลการค้นหาที่เป็นสื่อสมบูรณ์ด้วย Search Console

Search Console เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการตรวจสอบประสิทธิภาพของหน้าเว็บใน Google Search คุณไม่จำเป็นต้องลงชื่อสมัครใช้ Search Console เพื่อให้เนื้อหาได้แสดงในผลการค้นหาของ Google แต่การลงชื่อสมัครใช้จะช่วยให้คุณเข้าใจและปรับปรุงวิธีที่ Google เห็นเว็บไซต์ได้ เราขอแนะนำให้ไปดูข้อมูลใน Search Console ในกรณีต่อไปนี้

  1. หลังจากทำให้ข้อมูลที่มีโครงสร้างใช้งานได้เป็นครั้งแรก
  2. หลังจากเผยแพร่เทมเพลตใหม่หรืออัปเดตโค้ด
  3. วิเคราะห์การเข้าชมเป็นระยะ

หลังจากทำให้ข้อมูลที่มีโครงสร้างใช้งานได้เป็นครั้งแรก

หลังจากที่ Google ได้จัดทำดัชนีหน้าของคุณแล้ว ให้ตรวจหาปัญหาโดยใช้รายงานสถานะผลการค้นหาที่เป็นสื่อสมบูรณ์ที่เกี่ยวข้อง ตามหลักแล้ว รายการที่ถูกต้องควรจะมีจํานวนเพิ่มขึ้น และรายการที่ไม่ถูกต้องไม่ควรจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น หากพบปัญหาในข้อมูลที่มีโครงสร้าง ให้ทำดังนี้

  1. แก้ไขรายการที่ไม่ถูกต้อง
  2. ตรวจสอบ URL ที่เผยแพร่เพื่อดูว่ายังมีปัญหาอยู่หรือไม่
  3. ขอการตรวจสอบโดยใช้รายงานสถานะ

หลังจากเผยแพร่เทมเพลตใหม่หรืออัปเดตโค้ด

เมื่อทําการเปลี่ยนแปลงที่สําคัญในเว็บไซต์ ให้คอยตรวจสอบการเพิ่มขึ้นของรายการที่ไม่ถูกต้องของ Structured Data
  • หากเห็นว่าจำนวนรายการที่ไม่ถูกต้องเพิ่มขึ้น อาจเป็นเพราะคุณเผยแพร่เทมเพลตใหม่ที่ใช้งานไม่ได้ หรือเว็บไซต์โต้ตอบกับเทมเพลตที่มีอยู่ด้วยวิธีใหม่และไม่ถูกต้อง
  • หากเห็นว่าจำนวนรายการที่ถูกต้องลดลง (ไม่สอดคล้องกับรายการที่ถูกต้องซึ่งเพิ่มขึ้น) บางทีอาจเป็นเพราะคุณไม่ได้ฝัง Structured Data ไว้ในหน้าอีกแล้ว ให้ใช้เครื่องมือตรวจสอบ URL เพื่อดูสาเหตุของปัญหา

วิเคราะห์การเข้าชมเป็นระยะ

วิเคราะห์การเข้าชมจาก Google Search โดยใช้รายงานประสิทธิภาพ ข้อมูลจะแสดงความถี่ที่หน้าปรากฏเป็นผลการค้นหาที่เป็นสื่อสมบูรณ์ใน Search ความถี่ที่ผู้ใช้คลิกหน้า และอันดับเฉลี่ยที่หน้าปรากฏในผลการค้นหา คุณจะใช้ Search Console API ดึงผลการค้นหาเหล่านี้โดยอัตโนมัติก็ได้เช่นกัน

การแก้ปัญหา

หากประสบปัญหาในการใช้หรือแก้ไขข้อบกพร่องของ Structured Data โปรดดูแหล่งข้อมูลต่อไปนี้ซึ่งอาจช่วยคุณได้