ส่วนนี้อธิบายวิธีการในแอป Google Chat ที่สร้างด้วยปลายทาง HTTP ยืนยันว่าคำขอที่ส่งไปยังปลายทางของคุณมาจาก Chat
เพื่อส่งเหตุการณ์การโต้ตอบไปยังแอป Chat
ปลายทาง Google จะส่งคำขอไปยังบริการของคุณ หากต้องการยืนยันว่าคำขอนั้น
ที่มาจาก Google Chat จะมี
โทเค็นสำหรับผู้ถือ
ในส่วนหัว Authorization
ของคำขอ HTTPS ทุกรายการที่ส่งไปยังปลายทาง เช่น
POST
Host: yourappurl.com
Authorization: Bearer AbCdEf123456
Content-Type: application/json
User-Agent: Google-Dynamite
สตริง AbCdEf123456
ในตัวอย่างข้างต้นคือการให้สิทธิ์สำหรับผู้ถือ
โทเค็น นี่เป็นโทเค็นการเข้ารหัสที่ Google สร้างขึ้น ประเภทของโทเค็นของผู้ถือสิทธิ์และค่าของช่อง audience
จะขึ้นอยู่กับประเภทของกลุ่มเป้าหมายการตรวจสอบสิทธิ์ที่คุณเลือกเมื่อกําหนดค่าแอป Chat
หากคุณติดตั้งใช้งานแอป Chat ด้วย Cloud ฟังก์ชันหรือ Cloud Run, Cloud IAM จะจัดการการยืนยันโทเค็นโดยอัตโนมัติ คุณ เพียงเพิ่มบัญชีบริการ Google Chat เป็นผู้เรียกใช้ที่ได้รับอนุญาต หากแอปใช้เซิร์ฟเวอร์ HTTP ของตัวเอง คุณสามารถยืนยันโทเค็นสำหรับผู้ถือได้ โดยใช้ไลบรารีไคลเอ็นต์ Google API แบบโอเพนซอร์ส
- Java: https://github.com/google/google-api-java-client
- Python: https://github.com/google/google-api-python-client
- Node.js: https://github.com/google/google-api-nodejs-client
- .NET: https://github.com/google/google-api-dotnet-client
หากระบบยืนยันโทเค็นสำหรับแอป Chat ไม่ได้
บริการควรตอบสนองต่อคำขอด้วยโค้ดตอบกลับ HTTPS
401 (Unauthorized)
ตรวจสอบสิทธิ์คำขอโดยใช้ Cloud Functions หรือ Cloud Run
หากใช้ตรรกะฟังก์ชันโดยใช้ Cloud Functions หรือ Cloud Run คุณต้องเลือก URL ปลายทาง HTTP ในช่องกลุ่มเป้าหมายการตรวจสอบสิทธิ์ของแอป Chat การตั้งค่าการเชื่อมต่อ และตรวจสอบว่า URL ปลายทาง HTTP ในการกำหนดค่าสอดคล้องกับ URL ของปลายทาง Cloud Functions หรือ Cloud Run
จากนั้นคุณต้องให้สิทธิ์บัญชีบริการ Google Chat ของ chat@system.gserviceaccount.com
เป็นผู้เรียกใช้
ขั้นตอนต่อไปนี้จะแสดงวิธีใช้ Cloud Functions (รุ่นที่ 1)
คอนโซล
หลังจากทำให้ฟังก์ชันใช้งานได้ใน Google Cloud แล้ว ให้ทำดังนี้
ในคอนโซล Google Cloud ให้ไปที่หน้า Cloud Functions แล้วทำดังนี้
ในรายการ Cloud Functions ให้คลิกช่องทําเครื่องหมายข้างฟังก์ชันที่รับ (อย่าคลิกที่ฟังก์ชันนั้นๆ)
คลิกสิทธิ์ที่ด้านบนของหน้าจอ แผงสิทธิ์จะเปิดขึ้น
คลิกเพิ่มผู้ใช้หลัก
ป้อน
chat@system.gserviceaccount.com
ในช่องผู้ใช้หลักใหม่เลือกบทบาท Cloud Functions > ผู้เรียกใช้ Cloud Functions จาก เมนูแบบเลื่อนลงเลือกบทบาท
คลิกบันทึก
gcloud
ใช้คำสั่ง gcloud functions add-iam-policy-binding
ดังนี้
gcloud functions add-iam-policy-binding RECEIVING_FUNCTION \
--member='serviceAccount:chat@system.gserviceaccount.com' \
--role='roles/cloudfunctions.invoker'
แทนที่ RECEIVING_FUNCTION
ด้วยชื่อ
ฟังก์ชันของแอป Chat
ขั้นตอนต่อไปนี้แสดงวิธีใช้บริการ Cloud Functions (รุ่นที่ 2) หรือ Cloud Run
คอนโซล
หลังจากทำให้ฟังก์ชันหรือบริการใช้งานได้ใน Google Cloud แล้ว ให้ทำดังนี้
ในคอนโซล Google Cloud ให้ไปที่หน้า Cloud Run แล้วดำเนินการดังนี้
ในรายการบริการ Cloud Run ให้คลิกช่องทำเครื่องหมายข้างการรับ (อย่าคลิกที่ฟังก์ชันนั้นๆ)
คลิกสิทธิ์ที่ด้านบนของหน้าจอ แผงสิทธิ์จะเปิดขึ้น
คลิกเพิ่มผู้ใช้หลัก
ในช่องผู้ใช้หลักใหม่ ให้ป้อน
chat@system.gserviceaccount.com
เลือกบทบาท Cloud Run > ผู้เรียกใช้ Cloud Run จาก เมนูแบบเลื่อนลงเลือกบทบาท
คลิกบันทึก
gcloud
ใช้คำสั่ง gcloud functions add-invoker-policy-binding
ดังนี้
gcloud functions add-invoker-policy-binding RECEIVING_FUNCTION \
--member='serviceAccount:chat@system.gserviceaccount.com'
แทนที่ RECEIVING_FUNCTION
ด้วยชื่อ
ฟังก์ชันของแอป Chat
ตรวจสอบสิทธิ์คําขอ HTTP ด้วยโทเค็นระบุตัวตน
หากตั้งค่าช่องกลุ่มเป้าหมายการตรวจสอบสิทธิ์ของแอป Chat เป็นการตั้งค่าการเชื่อมต่อเป็น URL ปลายทาง HTTP โทเค็นการให้สิทธิ์ของผู้ถือครองในคำขอจะเป็นโทเค็นระบุตัวตน OpenID Connect (OIDC) ที่ Google ลงนาม
ตั้งค่าช่อง email
เป็น chat@system.gserviceaccount.com
ช่องกลุ่มเป้าหมายการตรวจสอบสิทธิ์จะตั้งค่าเป็น URL ที่คุณกำหนดค่าไว้สำหรับ Google Chat เพื่อส่งคำขอไปยังแอป Chat
ตัวอย่างเช่น หากปลายทางที่กําหนดค่าไว้ของแอป Chat คือ https://example.com/app/
ช่องกลุ่มเป้าหมายการตรวจสอบสิทธิ์ในโทเค็นระบุตัวตนจะเป็น https://example.com/app/
ตัวอย่างต่อไปนี้แสดงวิธียืนยันว่าโทเค็นของผู้ถือบัตรออกโดย Google Chat และกำหนดเป้าหมายไปยังแอปของคุณโดยใช้ไลบรารีไคลเอ็นต์ OAuth ของ Google
Java
Python
Node.js
ตรวจสอบสิทธิ์คำขอด้วย JWT หมายเลขโปรเจ็กต์
หากช่องกลุ่มเป้าหมายในการตรวจสอบสิทธิ์ของแอป Chat
ตั้งค่าการเชื่อมต่อเป็น Project
Number
โทเค็นการให้สิทธิ์สำหรับผู้ถือในคำขอจะเป็นแบบ Self-Signed
JSON Web Token (JWT)
ออกและลงนามโดย chat@system.gserviceaccount.com
ช่อง audience
จะตั้งค่าเป็นหมายเลขโปรเจ็กต์ Google Cloud ที่คุณใช้สร้างแอป Chat เช่น หากหมายเลขโปรเจ็กต์ที่อยู่ในระบบคลาวด์ของแอป Chat คือ 1234567890
ช่อง audience
ใน JWT จะเป็น 1234567890
ตัวอย่างต่อไปนี้แสดงวิธียืนยันว่าโทเค็นสำหรับผู้ถือออกโดย Google Chat และกำหนดเป้าหมายที่โปรเจ็กต์โดยใช้ไลบรารีของไคลเอ็นต์ OAuth ของ Google
Java
Python
Node.js
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
- หากต้องการดูภาพรวมการตรวจสอบสิทธิ์และการให้สิทธิ์ใน Google Workspace ดู ดูข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสอบสิทธิ์และการให้สิทธิ์
- ดูภาพรวมของการตรวจสอบสิทธิ์และการให้สิทธิ์ใน Chat ได้ที่ภาพรวมการตรวจสอบสิทธิ์
- ตั้งค่าการตรวจสอบสิทธิ์และการให้สิทธิ์ด้วยข้อมูลเข้าสู่ระบบของผู้ใช้หรือบัญชีบริการ