Method: anomalies.list

แสดงรายการความผิดปกติในชุดข้อมูล

คำขอ HTTP

GET https://playdeveloperreporting.googleapis.com/v1alpha1/{parent=apps/*}/anomalies

URL ใช้ไวยากรณ์การแปลงรหัส gRPC

พารามิเตอร์เส้นทาง

พารามิเตอร์
parent

string

ต้องระบุ แอปหลักที่ตรวจพบความผิดปกติ

รูปแบบ: apps/{app}

พารามิเตอร์การค้นหา

พารามิเตอร์
filter

string

เกณฑ์การกรองสำหรับความผิดปกติ ดูคำแนะนำพื้นฐานเกี่ยวกับตัวกรองได้ที่ https://google.aip.dev/160

ฟังก์ชันที่รองรับ

  • activeBetween(startTime, endTime): หากระบุไว้ ให้แสดงเฉพาะความผิดปกติที่ใช้งานอยู่ระหว่าง startTime (รวม) กับ endTime (ไม่รวม) พารามิเตอร์ทั้ง 2 คาดว่าจะสอดคล้องกับสตริงที่จัดรูปแบบ RFC-3339 (เช่น 2012-04-21T11:30:00-04:00) ระบบรองรับออฟเซ็ต UTC ทั้ง startTime และ endTime ยอมรับค่าพิเศษ UNBOUNDED เพื่อระบุช่วงที่ไม่มีขอบเขตล่างหรือบนตามลำดับ ตัวอย่าง
    • activeBetween("2021-04-21T11:30:00Z", "2021-07-21T00:00:00Z")
    • activeBetween(UNBOUNDED, "2021-11-21T00:00:00-04:00")
    • activeBetween("2021-07-21T00:00:00-04:00", UNBOUNDED)
pageSize

integer

ขนาดสูงสุดของข้อมูลที่แสดง หากไม่ระบุ ระบบจะแสดงความผิดปกติอย่างน้อย 10 รายการ ค่าสูงสุดคือ 100 และค่าที่สูงกว่า 100 จะถูกบังคับให้เป็น 100

pageToken

string

โทเค็นหน้าเว็บที่ได้รับจากการเรียกใช้ ListErrorReports ก่อนหน้า ระบุข้อมูลนี้เพื่อดึงข้อมูลหน้าถัดไป

เมื่อแบ่งหน้า พารามิเตอร์อื่นๆ ทั้งหมดที่ระบุให้กับ ListErrorReports ต้องตรงกับการเรียกที่ระบุโทเค็นหน้าเว็บ

เนื้อความของคำขอ

เนื้อหาของคำขอต้องว่างเปล่า

เนื้อหาการตอบกลับ

การตอบกลับพร้อมรายการความผิดปกติในชุดข้อมูล

หากทำสำเร็จ เนื้อหาการตอบกลับจะมีข้อมูลซึ่งมีโครงสร้างดังต่อไปนี้

การแสดง JSON
{
  "anomalies": [
    {
      object (Anomaly)
    }
  ],
  "nextPageToken": string
}
ช่อง
anomalies[]

object (Anomaly)

ความผิดปกติที่พบ

nextPageToken

string

โทเค็นการต่อเนื่องเพื่อดึงข้อมูลหน้าถัดไป

ขอบเขตการให้สิทธิ์

ต้องใช้ขอบเขต OAuth ต่อไปนี้

  • https://www.googleapis.com/auth/playdeveloperreporting

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่OAuth 2.0 Overview