หน้านี้จะอธิบายวิธีปิดใช้ฟีเจอร์ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัวด้วยแท็ก Google สำหรับภาพรวมของการตั้งค่าทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัว โปรดอ่านภาพรวมความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
พารามิเตอร์ความเป็นส่วนตัว
ใช้พารามิเตอร์ต่อไปนี้เพื่อเปิดหรือปิดใช้ฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัว เช่น การปรับเปลี่ยนในแบบของคุณและสัญญาณ
gtag.js
การควบคุมความเป็นส่วนตัว | ผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานร่วมกันได้ | คำอธิบาย | วิธีตรวจสอบในฝั่งไคลเอ็นต์ |
คำยินยอม | Universal Analytics, Google Analytics 4, Google Ads, Floodlight | ใช้คำสั่ง "consent" เพื่อเริ่มต้นสถานะความยินยอมเริ่มต้นและอัปเดตความยินยอมเมื่อผู้ใช้โต้ตอบกับแบนเนอร์คุกกี้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ gtag.js(consent) |
ใช้ผู้ช่วยแท็กเพื่อยืนยันการตั้งค่าความยินยอม ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแก้ไขข้อบกพร่องเกี่ยวกับความยินยอม |
allow_google_signals | Universal Analytics, Google Analytics 4 | จะไม่มีผลหากไม่ได้ตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็น true เมื่อตั้งค่าเป็น false ระบบจะไม่ใช้เหตุการณ์ที่ส่งจากแท็กสําหรับการปรับโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ รวมถึงรายงานข้อมูลประชากรและความสนใจ |
จะไม่มีผลหากไม่ได้ตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็น true เมื่อตั้งค่าเป็น false บีคอนที่รวมกันทั้งหมดจะถูกระงับ |
allow_ad_personalization_signals | Google Ads, Universal Analytics, Google Analytics 4, Floodlight | เมื่อตั้งค่าเป็น true เหตุการณ์ที่ส่งจากแท็กจะมีสิทธิ์ใช้การปรับโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ เมื่อตั้งค่าเป็น false ระบบจะไม่ใช้เหตุการณ์ที่ส่งจากแท็กสำหรับการปรับเปลี่ยนโฆษณาในแบบของคุณ แต่จะยังใช้กับการรายงานข้อมูลประชากรและความสนใจได้ |
จะไม่มีผลหากไม่ได้ตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็น true เมื่อตั้งค่าเป็น false ให้ใส่พารามิเตอร์ &npa=1 ในบีคอนทั้งหมด |
restricted_data_processing | Google Ads | ไม่มีผลเมื่อไม่ได้ตั้งค่า เมื่อตั้งค่าเป็น true Google จะจำกัดการใช้เหตุการณ์ที่ส่งจากแท็ก คุณจะใช้บางฟีเจอร์ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มผู้ใช้ลงในรายการรีมาร์เก็ตติ้ง การเพิ่มผู้ใช้ลงในรายการรีมาร์เก็ตติ้งกลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกันตั้งต้น และฟังก์ชันการทำงานที่เกี่ยวข้อง |
ไม่มีผลเมื่อไม่ได้ตั้งค่า เมื่อตั้งค่าเป็น true พารามิเตอร์ &rdp=1 จะรวมอยู่ในบีคอน เมื่อตั้งค่าเป็น false พารามิเตอร์ &rdp=0 จะรวมอยู่ในบีคอน |
Tag Manager
การควบคุมความเป็นส่วนตัว | เทมเพลตแท็กที่เข้ากันได้ | คำอธิบาย | วิธีตรวจสอบในฝั่งไคลเอ็นต์ |
allowAdFeatures | Universal Analytics | ตั้งค่าใน "ช่องที่จะตั้งค่า" จะไม่มีผลหากไม่ได้ตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็น true เมื่อตั้งค่าเป็น false ระบบจะไม่ใช้เหตุการณ์ที่ส่งจากแท็กสำหรับการปรับโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ รวมถึงการรายงานข้อมูลประชากรและความสนใจ |
จะไม่มีผลหากไม่ได้ตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็น true เมื่อตั้งค่าเป็น false บีคอนที่รวมกันทั้งหมดจะถูกระงับ |
allow_google_signals | แท็ก Google | ตั้งค่าใน "การตั้งค่าการกำหนดค่า" จะไม่มีผลหากไม่ได้ตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็น true เมื่อตั้งค่าเป็น false ระบบจะไม่ใช้เหตุการณ์ที่ส่งจากแท็กสำหรับการปรับโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ รวมถึงการรายงานข้อมูลประชากรและความสนใจ |
จะไม่มีผลหากไม่ได้ตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็น true เมื่อตั้งค่าเป็น false บีคอนที่รวมกันทั้งหมดจะถูกระงับ |
allowAdPersonalizationSignals | Universal Analytics | ตั้งค่าใน "ช่องที่จะต้องตั้งค่า" จะไม่เกิดผลเมื่อไม่ได้ตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็น true เมื่อตั้งค่าเป็น false ระบบจะไม่ใช้เหตุการณ์ที่ส่งจากแท็กสำหรับการปรับโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ แต่จะยังคงใช้ในการรายงานข้อมูลประชากรและความสนใจได้ |
จะไม่มีผลหากไม่ได้ตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็น true เมื่อตั้งค่าเป็น false ให้ใส่พารามิเตอร์ &npa=1 ในบีคอนทั้งหมด |
allow_ad_personalization_signals | แท็ก Google | ตั้งค่าใน "การตั้งค่าการกำหนดค่า" เมื่อตั้งค่าเป็น true เหตุการณ์ที่ส่งจากแท็กจะมีสิทธิ์ใช้การปรับโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ เมื่อตั้งค่าเป็น false ระบบจะไม่ใช้เหตุการณ์ที่ส่งจากแท็กสำหรับการปรับโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ แต่จะยังคงใช้ในการรายงานข้อมูลประชากรและความสนใจได้ |
จะไม่มีผลหากไม่ได้ตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็น true เมื่อตั้งค่าเป็น false ให้ใส่พารามิเตอร์ &npa=1 ในบีคอนทั้งหมด |
restricted_data_processing | เครื่องมือวัด Conversion ของ Google Ads | ตั้งค่าได้ในการควบคุม "เปิดใช้การประมวลผลข้อมูลแบบจำกัด" ในแท็กเครื่องมือวัด Conversion ของ Google Ads ของ Tag Manager จะไม่มีผลหากไม่ได้ตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็น false เมื่อตั้งค่าเป็น true Google จะจำกัดการใช้เหตุการณ์ที่ส่งจากแท็ก คุณจะใช้บางฟีเจอร์ไม่ได้ ซึ่งรวมถึงการเพิ่มผู้ใช้ลงในรายการรีมาร์เก็ตติ้ง การเพิ่มผู้ใช้ลงในรายการรีมาร์เก็ตติ้งกลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกัน และฟังก์ชันการทำงานที่เกี่ยวข้อง |
จะไม่มีผลหากไม่ได้ตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็น false เมื่อตั้งค่าเป็น true พารามิเตอร์ &rdp=1 จะรวมอยู่ในบีคอน
เมื่อตั้งค่าเป็น false พารามิเตอร์ &rdp=0 จะรวมอยู่ในบีคอน |
ปิดใช้ข้อมูลวิเคราะห์และฟีเจอร์โฆษณา
เนื่องจากสามารถเปิดใช้ฟีเจอร์โฆษณาได้ผ่านการตั้งค่าผู้ดูแลระบบ Google Analytics คุณจึงอาจต้องปิดฟีเจอร์ดังกล่าวแบบเป็นโปรแกรม หากกำหนดค่าแท็กเว็บไซต์ที่เชื่อมต่อแล้ว คุณจะต้องทำตามวิธีการต่อไปนี้หากต้องการให้สัญญาณนี้เผยแพร่ไปยังแท็กของเว็บไซต์ที่เชื่อมต่อ
ปิดฟีเจอร์โฆษณาทั้งหมด
การกำหนดค่าเหล่านี้ช่วยให้คุณปิดฟีเจอร์การโฆษณา การรายงาน และรีมาร์เก็ตติ้ง รวมถึงลบล้างการตั้งค่าพร็อพเพอร์ตี้ที่สร้างไว้ในอินเทอร์เฟซผู้ใช้ Google Analytics ได้
หากต้องการปิดฟีเจอร์โฆษณาทั้งหมดด้วยแท็ก Google สําหรับ Universal Analytics และ Google Analytics 4 ให้ตั้งค่า allow_google_signals
เป็น false
gtag.js
gtag('set', {'allow_google_signals', false});
Tag Manager
หากต้องการปิดฟีเจอร์โฆษณาทั้งหมดในทุกพร็อพเพอร์ตี้ ให้ใช้ gtag.js
หากต้องการปิดฟีเจอร์โฆษณาด้วยแท็ก Google ในพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics 4 ที่เฉพาะเจาะจง ให้แก้ไขคําสั่ง config
สําหรับ TAG_ID
ที่กำหนดและตั้งค่า allow_google_signals
เป็น false
gtag.js
gtag('config', 'TAG_ID', { 'allow_google_signals': false });
Tag Manager
- เปิดเมนูแท็กในพื้นที่ทํางาน
- แก้ไขแท็ก Google ที่ต้องการปิดฟีเจอร์โฆษณา
ในการตั้งค่าการกำหนดค่า ให้เพิ่มพารามิเตอร์ต่อไปนี้
- ชื่อ:
allow_google_signals
- ค่า:
false
- ชื่อ:
บันทึกแท็ก
ทําขั้นตอนเหล่านี้ซ้ำสําหรับแท็ก Google แต่ละรายการที่ไม่ควรมีส่วนร่วมในฟีเจอร์โฆษณา
ปิดการปรับโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้
การควบคุมแบบเป็นโปรแกรมว่าควรใช้ข้อมูล Analytics สำหรับการโฆษณาที่ปรับตามโปรไฟล์ของผู้ใช้หรือไม่นั้นมีอยู่ 2-3 วิธีดังนี้
- แนะนำ: เปิดหรือปิดใช้การปรับเปลี่ยนในแบบของคุณแบบไดนามิกตามตัวเลือกของผู้ใช้ด้วยการผสานรวม API โหมดความยินยอมของ Google
- การใช้งานที่มีอยู่: ควบคุมการปรับโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ของแต่ละเว็บไซต์
- สําหรับทั้งพร็อพเพอร์ตี้ Google Analytics ให้ปิดใช้การปรับโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ตามภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ในพร็อพเพอร์ตี้ Analytics
ควบคุมการปรับโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ในแต่ละเว็บไซต์
API โหมดความยินยอมของ Google คือวิธีที่แนะนําในการเปิดและปิดโฆษณาที่ปรับตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ หากเว็บไซต์ยังไม่ได้ใช้โหมดความยินยอม คุณจะควบคุมการปรับเปลี่ยนในแบบของคุณได้ด้วยพารามิเตอร์ต่อไปนี้
คุณปิดใช้ฟีเจอร์การปรับโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ได้ทั้งหมด การตั้งค่าพารามิเตอร์ allow_ad_personalization_signals
จะใช้การตั้งค่ากับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่กําหนดค่าผ่านแท็ก Google และเพิ่มพารามิเตอร์ npa=1
ลงใน URL แท็กเพื่อระบุว่าอนุญาตเฉพาะโฆษณาที่ไม่ได้ปรับตามโปรไฟล์ของผู้ใช้เท่านั้น
หากต้องการปิดการปรับโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ทั้งหมดที่ใช้แท็ก Google ให้ตั้งค่า allow_ad_personalization_signals
เป็น false
ดังนี้
gtag.js
gtag('set', {'allow_ad_personalization_signals', false});
Tag Manager
หากต้องการปิดฟีเจอร์โฆษณาทั้งหมดในทุกพร็อพเพอร์ตี้ ให้ใช้ gtag.js
หากต้องการปิดการปรับโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ด้วยแท็ก Google ในการกำหนดค่า Google Ads, Google Analytics หรือ Floodlight ให้แก้ไขคำสั่ง config
สำหรับ TAG_ID
ที่กำหนดและตั้งค่า allow_ad_personalization_signals
เป็น false
gtag.js
gtag('config', {'allow_ad_personalization_signals': false });
Tag Manager
ใน Tag Manager
- เปิดแท็ก Google Analytics เพื่อแก้ไข
- คลิกช่องที่จะต้องตั้งค่า
- คลิกเพิ่มแถว
- ป้อนชื่อช่องเป็น allow_ad_personalization_signals และสำหรับค่า ให้ป้อน false
ปิด Google Analytics
ในบางกรณีอาจต้องปิด Google Analytics ตัวอย่างเช่น คุณอาจทำเช่นนี้หากนโยบายความเป็นส่วนตัวของเว็บไซต์มีตัวเลือกให้ผู้ใช้เลือกไม่ใช้ Google Analytics ได้
ไลบรารีแท็ก Google (gtag.js) มีพร็อพเพอร์ตี้ window['ga-disable-MEASUREMENT_ID']
ที่เมื่อตั้งค่าเป็น true
แท็ก Google ไม่ให้ส่งข้อมูล เมื่อผลิตภัณฑ์พยายามตั้งค่าคุกกี้หรือส่งข้อมูลกลับไปที่เซิร์ฟเวอร์ Google Analytics ก่อนอื่นผลิตภัณฑ์จะตรวจสอบก่อนว่ามีการตั้งค่าพร็อพเพอร์ตี้นี้หรือไม่ และจะไม่ดำเนินการใดๆ หากตั้งค่าเป็น true
gtag.js
หากต้องการปิด Google Analytics แบบเป็นโปรแกรม ให้ตั้งค่า window['ga-disable-GA_MEASUREMENT_ID']
เป็น true
แทนที่ TAG_ID
ด้วยรหัสแท็กที่ถูกต้อง ดังนี้
<script>
window['ga-disable-GA_MEASUREMENT_ID'] = true;
</script>
<!-- Google tag (gtag.js) -->
<script async src="https://www.googletagmanager.com/gtag/js?id=TAG_ID"></script>
<script>
window.dataLayer = window.dataLayer || [];
function gtag(){dataLayer.push(arguments);}
gtag('js', new Date());
gtag('config', 'TAG_ID');
</script>
Tag Manager
เพื่อป้องกันไม่ให้แท็ก Google Analytics 4 เริ่มทํางาน ให้ใช้เงื่อนไขทริกเกอร์เพื่อตรวจสอบว่าผู้ใช้เลือกไม่ใช้หรือไม่ และทำให้แท็กเริ่มทํางานตามค่าของเงื่อนไขทริกเกอร์ ตัวอย่างเช่น ด้านล่างนี้คือการกําหนดค่าที่ใช้คุกกี้ของบุคคลที่หนึ่งเพื่อระบุว่าจะทําให้แท็ก Google Analytics 4 เริ่มทํางานได้หรือไม่ วิธีการต่อไปนี้จะถือว่าคุณได้สร้างแท็ก Google Analytics 4 ไว้แล้ว
หมายเหตุ: วิธีการนี้ไม่ได้ใช้ window['ga-disable-MEASUREMENT_ID']
แต่นำเสนอโซลูชันที่เรียบง่ายซึ่งออกแบบมาเพื่อการใช้งาน Tag Manager โดยเฉพาะแทน
- ในซอร์ส JavaScript ของหน้าเว็บ ให้ตั้งค่าคุกกี้ที่เรียกว่า "
google-analytics-opt-out
" ระบุค่าtrue
และกำหนดให้หมดอายุในวันที่ในอนาคต ตัวอย่างเช่น
document.cookie = 'google-analytics-opt-out=true; expires=Mon, 1 Jan 2170 23:59:59 UTC; path=/';
ใน Tag Manager ให้สร้างตัวแปรใหม่ที่จะตรวจสอบคุกกี้
google-analytics-opt-out
ดังนี้คลิกตัวแปร > ใหม่ 2. ตั้งค่าประเภทตัวแปรเป็นคุกกี้ของบุคคลที่หนึ่ง 3. ตั้งชื่อตัวแปรว่า "คุกกี้การเลือกไม่ใช้ google-analytics" และคลิกบันทึก
สร้างทริกเกอร์ใหม่สำหรับแท็ก Google Analytics
ตั้งค่าประเภททริกเกอร์เป็นการดูหน้าเว็บ 2. ตั้งค่าทริกเกอร์นี้เริ่มทำงานในเป็นการดูหน้าเว็บบางรายการ 3. ตั้งค่าเริ่มการทำงานของทริกเกอร์นี้เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นและเงื่อนไขทั้งหมดเป็นจริงเพื่ออ่าน "คุกกี้การเลือกไม่ใช้ google-analytics ไม่เท่ากับ true"
คลิกบันทึก
นำคอนเทนเนอร์ไปใช้จริง
ปิดการวัดการดูหน้าเว็บเริ่มต้นใน Google Analytics
ลักษณะการทำงานเริ่มต้นของแท็ก Google Analytics คือการส่งเหตุการณ์ page_view
ไปยัง Google Analytics ซึ่งเป็นลักษณะการทำงานที่เป็นที่ต้องการในกรณีส่วนใหญ่ โดยระบบจะบันทึกเหตุการณ์ page_view
โดยอัตโนมัติเมื่อคุณเพิ่มโค้ดลงในแต่ละหน้าของเว็บไซต์ แต่หากไม่ต้องการให้แท็กส่งเหตุการณ์ page_view
ไปยัง Google Analytics ให้ตั้งค่าพารามิเตอร์ send_page_view
เป็น false
gtag.js
gtag('set', { 'send_page_view': false });
Tag Manager
- เปิดเมนูแท็กในพื้นที่ทํางาน
- แก้ไขแท็ก Google ที่เกี่ยวข้อง
ในการตั้งค่าการกำหนดค่า ให้ตั้งค่าพารามิเตอร์ต่อไปนี้
- ชื่อ:
send_page_view
- ค่า:
false
- ชื่อ:
บันทึกแท็ก
การประมวลผลข้อมูลแบบจำกัด
เมื่อเปิดใช้การประมวลผลข้อมูลแบบจำกัดแล้ว Google จะจำกัดวิธีใช้ข้อมูล คุณจะใช้บางฟีเจอร์ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มผู้ใช้ลงในรายการรีมาร์เก็ตติ้ง การเพิ่มผู้ใช้ลงในรายการรีมาร์เก็ตติ้งกลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกันตั้งต้น และฟังก์ชันการทำงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อเปิดใช้การประมวลผลข้อมูลแบบจำกัดสำหรับ App Campaign ผู้ใช้ที่ติดตั้งแอปของคุณอาจยังคงเห็นโฆษณาสำหรับแอปดังกล่าวหลังจากติดตั้ง ดูข้อมูลเพิ่มเติม
วิธีเปิดใช้การประมวลผลข้อมูลแบบจำกัด
gtag.js
เพิ่มพารามิเตอร์ restricted_data_processing
ที่มีค่า true
ลงในแท็ก
< ! -- Google tag (gtag.js) -->
<script async src="https://www.googletagmanager.com/gtag/js?id=TAG_ID"></script>
<script>
window.dataLayer = window.dataLayer | | [ ] ;
function gtag ( ) { dataLayer.push ( arguments ) } ;
gtag ( 'js', new Date ( ) ) ;
gtag ( 'set', { 'restricted_data_processing': true });
</script>
Tag Manager
- ลงชื่อเข้าใช้ Google Tag Manager
- คลิกแท็กในคอลัมน์ด้านซ้ายเพื่อเข้าถึงแท็ก
- สร้างหรือแก้ไขแท็กที่รองรับการประมวลผลข้อมูลแบบจำกัด (รีมาร์เก็ตติ้งของ Google Ads, Conversion ของ Google Ads ฯลฯ)
- ในส่วนการกำหนดค่าแท็ก ให้เลือก True สำหรับช่อง "เปิดใช้การประมวลผลข้อมูลแบบจำกัด"
- คุณสามารถตั้งค่าช่องนี้แบบไดนามิกโดยใช้ตัวแปรชั้นข้อมูลได้ด้วย
- คลิกบันทึก