แนวทางปฏิบัติแนะนำสำหรับวิดีโอ
วิดีโอเป็นรูปแบบที่กำลังเติบโตสำหรับการสร้างและการใช้เนื้อหาบนเว็บ และ Google จะจัดทำดัชนีวิดีโอจากเว็บไซต์ต่างๆ นับล้านแห่งเพื่อบริการผู้ใช้ วิดีโอจะปรากฏในหลายๆ ที่บน Google ซึ่งรวมถึงหน้าผลการค้นหาหลัก, ผลการค้นหาวิดีโอ, Google รูปภาพ และ Discover ดังนี้

เพิ่มประสิทธิภาพให้วิดีโอของคุณปรากฏใน Google โดยทําตามแนวทางปฏิบัติแนะนำต่อไปนี้
- ช่วยให้ Google ค้นพบวิดีโอของคุณ
- ตรวจสอบว่าวิดีโอของคุณสามารถจัดทำดัชนีได้
- อนุญาตให้ Google ดึงข้อมูลไฟล์เนื้อหาวิดีโอ
- เปิดใช้ฟีเจอร์เฉพาะของวิดีโอ
- นำออก จำกัด หรืออัปเดตวิดีโอเมื่อจำเป็น
ช่วยให้ Google ค้นพบวิดีโอของคุณ
- ตรวจสอบว่าวิดีโอแต่ละรายการพร้อมใช้งานในหน้าเว็บสาธารณะที่ผู้ใช้สามารถดูวิดีโอได้ ตรวจสอบว่าหน้าเว็บไม่ได้ถูก robots.txt หรือเมตาแท็ก robots
noindex
บล็อก เพื่อให้ Google ค้นพบและจัดทําดัชนีหน้าเว็บของคุณได้ -
หากต้องการให้วิดีโอมีการเข้าชมสูงสุด ให้สร้างหน้าสําหรับวิดีโอแต่ละรายการโดยเฉพาะ โดยวิดีโอเป็นส่วนที่เด่นที่สุดในหน้า ฟีเจอร์บางอย่างกําหนดให้ต้องมีหน้าวิดีโอประเภทนี้ ซึ่งรวมถึงช่วงสําคัญ ป้าย "สด" และผลการค้นหาที่เป็นสื่อสมบูรณ์รูปแบบอื่นๆ คุณจะใส่วิดีโอเดียวกันนี้ทั้งในหน้าสำหรับวิดีโอนี้โดยเฉพาะและในหน้าต้นฉบับ ควบคู่กับข้อมูลอื่นๆ เช่น บทความข่าวหรือหน้ารายละเอียดผลิตภัณฑ์ด้วยก็ได้
- รวมวิดีโอไว้ในแท็ก HTML ที่เหมาะสม Google จะระบุวิดีโอในหน้าเว็บของคุณได้ง่ายขึ้นเมื่อมีแท็ก HTML อยู่ด้วย เช่น
<video>
,<embed>
,<iframe>
หรือ<object>
- ส่งแผนผังเว็บไซต์วิดีโอเพื่อให้ Google พบวิดีโอของคุณได้ง่ายขึ้น
- หากต้องการทดสอบและส่งแผนผังเว็บไซต์ ก่อนอื่นให้เพิ่มและยืนยันเว็บไซต์ใน Search Console ตรวจสอบดูว่าคุณได้ยืนยันทั้งเว็บไซต์ที่มีแผนผังเว็บไซต์และเว็บไซต์ทั้งหมดที่มีการอ้างอิงในแผนผัง
- ทดสอบและส่งแผนผังเว็บไซต์ในเครื่องมือแผนผังเว็บไซต์ของ Search Console หรือใช้ Search Console API
- โปรดตรวจสอบว่าหน้าเว็บไม่ได้กำหนดให้ต้องมีการดำเนินการอย่างซับซ้อนจากผู้ใช้หรือต้องใส่ส่วนย่อยที่เฉพาะเจาะจงของ URL จึงจะโหลดหน้าได้ เนื่องจาก Google อาจไม่พบหน้าดังกล่าว
- อย่าโหลดเนื้อหาหลักแบบ Lazy Loading เมื่อผู้ใช้โต้ตอบ Google อาจไม่พบเนื้อหาที่จำเป็นต้องมีการโต้ตอบของผู้ใช้จึงจะโหลดได้ (เช่น การปัด การคลิก หรือการพิมพ์) ตรวจสอบว่า Google มองเห็นเนื้อหาที่โหลดแบบ Lazy Loading ได้
- หากคุณใช้ JavaScript ที่ซับซ้อนเกินไปเพื่อฝังออบเจ็กต์วิดีโอจากภายใน JavaScript เฉพาะภายใต้สถานการณ์บางอย่างเท่านั้น ก็อาจทำให้ Google จัดทำดัชนีวิดีโอของคุณได้ไม่ถูกต้อง
- ทั้งนี้ระบบไม่รองรับ URL ของเนื้อหาหรือหน้า Landing Page ที่ต้องใช้ตัวระบุส่วนย่อย
- โปรดตรวจสอบว่าวิดีโอมองเห็นได้และค้นพบได้ง่ายในหน้าวิดีโอ เราขอแนะนำให้ใช้หน้าเว็บที่ทำงานทั้งหมดในตัวเองสำหรับวิดีโอแต่ละรายการ โดยมีชื่อหรือคำอธิบายที่สื่อความหมายและไม่ซ้ำสำหรับวิดีโอแต่ละรายการ ตรวจสอบว่าวิดีโอเห็นได้ชัดเจนในหน้าเว็บและไม่ควรซ่อนไว้หรือหาเจอได้ยาก
โปรแกรมเล่นแบบฝังของบุคคลที่สาม
หากเว็บไซต์ของคุณฝังวิดีโอจากแพลตฟอร์มของบุคคลที่สาม (เช่น YouTube, Vimeo หรือ Facebook) Google อาจจัดทำดัชนีวิดีโอนั้นทั้งในหน้าเว็บของคุณและในหน้าเว็บที่เทียบเท่ากันจากเว็บไซต์โฮสติ้งของบุคคลที่สาม ทั้ง 2 เวอร์ชันอาจปรากฏในฟีเจอร์วิดีโอบน Google
สำหรับหน้าเว็บที่ฝังโปรแกรมเล่นของบุคคลที่สามไว้ คุณยังควรให้ข้อมูลที่มีโครงสร้าง และจะรวมหน้าเหล่านี้ในแผนผังเว็บไซต์วิดีโอด้วยก็ได้ ตรวจสอบว่าโฮสต์วิดีโอของคุณอนุญาตให้ Google ดึงข้อมูลไฟล์เนื้อหาวิดีโอของคุณได้ ตัวอย่างเช่น รองรับโดย YouTube สำหรับวิดีโอสาธารณะ
ตรวจสอบว่าวิดีโอของคุณสามารถจัดทำดัชนีได้
เมื่อระบุวิดีโอในหน้าเว็บได้แล้ว Google ต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้วิดีโอปรากฏในฟีเจอร์ของวิดีโอ
ใช้ภาพขนาดย่อที่มีคุณภาพสูง
วิดีโอจะมีสิทธิ์ปรากฏในฟีเจอร์วิดีโอของ Google ได้ก็ต่อเมื่อมีภาพขนาดย่อที่ใช้งานได้ หากไม่มี หน้าอาจได้รับการจัดทําดัชนีแต่จะปรากฏเป็นลิงก์สีน้ำเงินธรรมดาเท่านั้น
คุณอาจอนุญาตให้ Google สร้างภาพขนาดย่อหรือจะจัดภาพมาให้ก็ได้ โดยใช้วิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้
- หากคุณใช้แท็ก HTML
<video>
ให้ระบุแอตทริบิวต์poster
- ระบุแท็ก
<video:thumbnail_loc>
ในแผนผังเว็บไซต์วิดีโอ - ในข้อมูลที่มีโครงสร้าง ให้ระบุพร็อพเพอร์ตี้
thumbnailUrl
- หากคุณอนุญาตให้ Google ดึงข้อมูลไฟล์เนื้อหาวิดีโอ Google สามารถสร้างภาพขนาดย่อให้คุณได้
รูปแบบภาพขนาดย่อที่รองรับ: BMP, GIF, JPEG, PNG, WebP, and SVG
ขนาด: ขั้นต่ำ 60 x 30 พิกเซล แนะนำให้ใช้ขนาดที่ใหญ่กว่า
ตําแหน่ง: Googlebot ต้องเข้าถึงไฟล์ภาพขนาดย่อได้ อย่าบล็อกไฟล์ด้วย robots.txt หรือข้อกำหนดการเข้าสู่ระบบ ตรวจสอบว่าไฟล์พร้อมใช้งานใน URL แบบคงที่
ความโปร่งใส: พิกเซลของภาพขนาดย่ออย่างน้อย 80% ต้องมีค่าอัลฟ่า (ความโปร่งใส) มากกว่า 250
ให้ Structured Data
ให้ข้อมูลที่มีโครงสร้างซึ่งอธิบายวิดีโอเพื่อช่วยให้ Google ทราบว่าวิดีโอเกี่ยวกับอะไรและแสดงวิดีโอนั้นสำหรับคําค้นหาที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบว่าข้อมูลที่คุณให้ไว้ในข้อมูลที่มีโครงสร้างนั้นสอดคล้องกับเนื้อหาวิดีโอจริง เมื่อเพิ่มข้อมูลที่มีโครงสร้าง ให้ตรวจสอบว่าได้ใช้ภาพขนาดย่อ ชื่อ และคําอธิบายที่ไม่ซ้ำกันสําหรับวิดีโอแต่ละรายการในเว็บไซต์ คุณควรระบุชื่อ, URL ภาพขนาดย่อ และ URL วิดีโอเดียวกันในทุกแหล่งที่มา (Sitemap, แท็ก HTML, เมตาแท็ก และ Structured Data) ซึ่งอธิบายวิดีโอเดียวกันในหน้าเดียวกัน
อนุญาตให้ Google ดึงข้อมูลไฟล์เนื้อหาวิดีโอ
หน้าวิดีโออาจได้รับการจัดทําดัชนีและมีสิทธิ์แสดงใน Google แต่ Google จําเป็นต้องดึงไฟล์วิดีโอเองเพื่อให้เข้าใจเนื้อหาวิดีโอและเปิดใช้ฟีเจอร์อย่างเช่น แสดงตัวอย่างวิดีโอและช่วงสําคัญ
อนุญาตให้ Google ดึงไฟล์เนื้อหาวิดีโอโดยทำตามแนวทางปฏิบัติแนะนำต่อไปนี้
- ใช้ข้อมูลที่มีโครงสร้างเพื่อระบุค่า
contentURL
ในรูปแบบไฟล์ที่รองรับ - อย่าบล็อก Google ไม่ให้ดึงข้อมูลไบต์ของไฟล์สตรีมมิงจากวิดีโอ ตัวอย่างเช่น อย่าบล็อก URL หรือโดเมนของเนื้อหาวิดีโอที่มีแท็ก
noindex
หรือไฟล์ robots.txt - หน้าเว็บที่โฮสต์วิดีโอและเซิร์ฟเวอร์ที่สตรีมวิดีโอจริงต้องเตรียมแบนด์วิดท์ไว้สำหรับการรวบรวมข้อมูล ดังนั้น หากหน้า Landing Page ของคุณที่
example.com/puppies.html
มีวิดีโอลูกสุนัขฝังอยู่ซึ่งมาจากsomestreamingservice.com
ทั้งexample.com
และsomestreamingservice.com
นั้น Google ต้องเข้าถึงได้ และเซิร์ฟเวอร์ต้องรับโหลดได้ - ไฟล์วิดีโอต้องพร้อมใช้งานใน URL แบบคงที่
การเข้ารหัสวิดีโอที่รองรับ
ประเภทไฟล์วิดีโอที่ Google สามารถดึงข้อมูล ได้แก่: 3GP, 3G2, ASF, AVI, DivX, M2V, M3U, M3U8, M4V, MKV, MOV, MP4, MPEG, OGV, QVT, RAM, RM, VOB, WebM, WMV, XAP
ใช้ URL แบบคงที่สำหรับไฟล์วิดีโอและภาพขนาดย่อ
CDN บางแห่งใช้ URL ที่หมดอายุเร็วสําหรับไฟล์วิดีโอและภาพขนาดย่อ URL เหล่านี้อาจทําให้ Google จัดทําดัชนีวิดีโอหรือดึงข้อมูลไฟล์วิดีโอไม่สําเร็จ และ Google จะทำความเข้าใจความสนใจของผู้ใช้ที่มีต่อวิดีโอของคุณเมื่อเวลาผ่านไปได้ยากขึ้นด้วย
ใช้ URL ที่ไม่ซ้ำกันและเป็นแบบคงที่สำหรับวิดีโอแต่ละรายการ วิธีนี้ช่วยให้ Google ค้นพบและประมวลผลวิดีโอได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงยืนยันว่าวิดีโอยังคงมีอยู่และรวบรวมข้อมูลสัญญาณที่ถูกต้องของวิดีโอ
หากกังวลว่าจะมีผู้ไม่ประสงค์ดีเข้าถึงเนื้อหา คุณยืนยัน Googlebot ได้ก่อนที่จะแสดง URL เวอร์ชันแบบคงที่ของสื่อ เช่น เลือกแสดงพร็อพเพอร์ตี้ contentUrl
แก่บ็อตที่เชื่อถือได้เท่านั้นอย่าง Googlebot ส่วนไคลเอ็นต์อื่นๆ ที่เข้าถึงหน้าเว็บจะไม่เห็นช่องดังกล่าว การตั้งค่านี้ทำให้มีเฉพาะไคลเอ็นต์ที่เชื่อถือได้เท่านั้นที่เข้าถึงตำแหน่งของไฟล์เนื้อหาวิดีโอได้
URL ไหนคืออันไหน
มี URL หลายรายการที่เชื่อมโยงกับไฟล์วิดีโอในหน้าเว็บได้ ซึ่งจะสรุปเกี่ยวกับ URL ส่วนใหญ่ได้ดังนี้

แท็ก | คำอธิบาย | |
---|---|---|
1 |
|
URL ของหน้าเว็บที่โฮสต์วิดีโอ ตัวอย่างเช่น
|
2 |
|
URL ของโปรแกรมเล่นที่กำหนดเอง ซึ่งมักเป็นค่า src สำหรับแท็ก
|
3 |
|
URL ของไบต์ข้อมูลจริงในเนื้อหา ทั้งในเว็บไซต์ในเครื่อง หรือในบริการสตรีมมิง ตัวอย่างเช่น
|
เปิดใช้ฟีเจอร์เฉพาะของวิดีโอ
ตัวอย่างวิดีโอ

Google จะเลือกช่วงจากวิดีโอมา 2-3 วินาทีเพื่อแสดงตัวอย่างเป็นภาพเคลื่อนไหว ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่จะได้ดูในวิดีโอ หากต้องการให้วิดีโอของคุณมีสิทธิ์ใช้ฟีเจอร์นี้ ให้อนุญาต Google ดึงข้อมูลไฟล์เนื้อหาวิดีโอของคุณ คุณกําหนดระยะเวลาสูงสุดสําหรับตัวอย่างวิดีโอเหล่านี้ได้โดยใช้เมตาแท็ก robots max-video-preview
ช่วงเวลาสำคัญ

The key moments feature is a way for users to navigate video segments like chapters in a book, which can help users engage more deeply with your content. Google Search tries to automatically detect the segments in your video and show key moments to users, without any effort on your part. Alternatively, you can manually tell Google about the important points of your video. We will prioritize key moments set by you, either through structured data or the YouTube description.
- If your video is hosted on your web page, there are two ways that you can enable key moments:
Clip
structured data: Specify the exact start and end point to each segment, and what label to display for each segment.SeekToAction
structured data: Tell Google where timestamps typically go in your URL structure, so that Google can automatically identify key moments and link users to those points within the video.
- If your video is hosted on YouTube, you can specify the exact timestamps and labels
in the video description on YouTube. Check out the best
practices for marking timestamps in YouTube descriptions.
If you want to enable Video Chapters on YouTube, follow these additional guidelines.
To opt out of the key moments feature completely (including any efforts Google may make to
show key moments automatically for your video), use the
nosnippet
meta tag.
ป้าย "สด"

สำหรับวิดีโอสตรีมมิงแบบสด คุณสามารถเปิดใช้ป้าย "สด" สีแดงให้ปรากฏในผลการค้นหาได้โดยใช้ ข้อมูลที่มีโครงสร้าง BroadcastEvent
และ Indexing API
นําออกหรือจํากัดวิดีโอ
นำวิดีโอออก
หากต้องการนําวิดีโอออกจากเว็บไซต์ของคุณ ให้ทําอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้
- แสดงรหัสสถานะ HTTP
404 (Not found)
สำหรับหน้า Landing Page ที่มีวิดีโอที่ถูกนำออกหรือหมดอายุแล้ว นอกจากโค้ดตอบกลับ404
แล้ว คุณยังคงแสดง HTML ของหน้าเว็บได้ตามปกติ ซึ่งทำให้ผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น - ใส่เมตาแท็ก robots
noindex
ไว้ในหน้า Landing Page ทุกหน้าที่มีวิดีโอที่ถูกนำออกหรือหมดอายุแล้ว ซึ่งจะป้องกันไม่ให้มีการจัดทำดัชนีหน้า Landing Page เหล่านั้น - ระบุวันที่หมดอายุในข้อมูลที่มีโครงสร้างของ schema.org (พร็อพเพอร์ตี้
expires
) หรือแผนผังเว็บไซต์วิดีโอ (ใช้เอลิเมนต์<video:expiration_date>
) ตัวอย่างแผนผังเว็บไซต์วิดีโอที่มีวิดีโอหมดอายุในเดือนพฤศจิกายน 2009 มีดังนี้<urlset xmlns="http://www.sitemaps.org/schemas/sitemap/0.9" xmlns:video="http://www.google.com/schemas/sitemap-video/1.1"> <url> <loc>http://www.example.com/videos/some_video_landing_page.html</loc> <video:video> <video:thumbnail_loc> http://www.example.com/thumbs/123.jpg </video:thumbnail_loc> <video:title> Grilling steaks for summer </video:title> <video:description> Bob shows you how to grill steaks perfectly every time </video:description> <video:player_loc> http://www.example.com/videoplayer?video=123 </video:player_loc> <video:expiration_date>2009-11-05T19:20:30+08:00</video:expiration_date> </video:video> </url> </urlset>
เมื่อ Google พบวิดีโอที่วันที่หมดอายุเป็นวันในอดีต เราจะไม่รวมวิดีโอนั้นไว้ในผลการค้นหาใดๆ เลย หน้า Landing Page อาจยังคงแสดงในผลการค้นหาบนเว็บโดยไม่มีภาพขนาดย่อของวิดีโอ วันที่ดังกล่าวรวมถึงวันที่หมดอายุจากแผนผังเว็บไซต์ ข้อมูลที่มีโครงสร้าง และเมตาแท็กในส่วนหัวของเว็บไซต์ โปรดตรวจสอบว่าวันที่หมดอายุของวิดีโอแต่ละรายการถูกต้อง แม้ว่าการกำหนดให้วิดีโอใช้งานไม่ได้หลังจากวันที่หมดอายุแล้วจะมีประโยชน์ แต่ก็อาจมีการตั้งวันที่อย่างผิดพลาดเป็นวันที่ในอดีตได้ง่ายๆ ทำให้วิดีโอที่ควรจะใช้งานได้กลับใช้ไม่ได้ หากวิดีโอไม่มีวันหมดอายุ ก็อย่าใส่ข้อมูลวันหมดอายุ
จํากัดวิดีโอตามประเทศของผู้ใช้
คุณจำกัดผลการค้นหาสำหรับวิดีโอโดยอิงตามประเทศของผู้ใช้ หากวิดีโอไม่มีข้อจํากัดเกี่ยวกับประเทศ ให้ข้ามแท็กข้อจํากัดประเทศไปได้
จำกัดการใช้ข้อมูลที่มีโครงสร้าง
หากคุณใช้ข้อมูลที่มีโครงสร้าง VideoObject
เพื่ออธิบายวิดีโอ ให้ตั้งค่าพร็อพเพอร์ตี้ regionsAllowed
เพื่อระบุภูมิภาคที่จะแสดงผลการค้นหาวิดีโอ หากคุณไม่ใช้พร็อพเพอร์ตี้นี้ ทุกภูมิภาคจะเห็นวิดีโอในผลการค้นหาได้
จำกัดการใช้แผนผังเว็บไซต์วิดีโอ
ในแผนผังเว็บไซต์วิดีโอ คุณใช้แท็ก <video:restriction>
เพื่ออนุญาตหรือปฏิเสธไม่ให้วิดีโอปรากฏในบางประเทศได้ วิดีโอ 1 รายการจะมีแท็ก <video:restriction>
ได้เพียง 1 แท็กเท่านั้น
แท็ก <video:restriction>
ต้องมีรหัสประเทศตาม ISO 3166 อย่างน้อย 1 รหัสโดยคั่นด้วยเว้นวรรค แอตทริบิวต์ relationship
ที่จำเป็นจะระบุประเภทของข้อจำกัด
relationship="allow"
: วิดีโอจะปรากฏเฉพาะในประเทศที่ระบุ หากไม่ระบุประเทศ วิดีโอจะไม่ปรากฏที่ใดเลยrelationship="deny"
: วิดีโอจะปรากฏทุกที่ยกเว้นในประเทศที่ระบุไว้ หากไม่ระบุประเทศ วิดีโอจะปรากฏทุกที่
ในตัวอย่างแผนผังเว็บไซต์วิดีโอนี้ วิดีโอจะปรากฏในผลการค้นหาในแคนาดาและเม็กซิโกเท่านั้น
<url> <loc>http://www.example.com/videos/some_video_landing_page.html</loc> <video:video> <video:thumbnail_loc> http://www.example.com/thumbs/123.jpg </video:thumbnail_loc> <video:title>Grilling steaks for summer</video:title> <video:description> Bob shows you how to get perfectly done steaks every time </video:description> <video:player_loc> http://www.example.com/player?video=123 </video:player_loc> <video:restriction relationship="allow">ca mx</video:restriction> </video:video> </url>
เพิ่มประสิทธิภาพสำหรับค้นหาปลอดภัย
ค้นหาปลอดภัยคือการตั้งค่าในบัญชีผู้ใช้ Google ที่จะเป็นตัวกำหนดว่าจะแสดงหรือบล็อกรูปภาพ วิดีโอ และเว็บไซต์ที่อาจไม่เหมาะสมในผลการค้นหาของ Google Search โปรดตรวจสอบว่า Google เข้าใจลักษณะของเว็บไซต์เพื่อให้ Google ใช้ตัวกรองค้นหาปลอดภัยกับเว็บไซต์ได้ตามความเหมาะสม ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการติดป้ายกำกับหน้าค้นหาปลอดภัย